ราคาหุ้น GoPro ยังตกอย่างต่อเนื่อง ซีอีโอประกาศให้ JP Morgan ดำเนินการขายกิจการหลังขาดทุนมหาศาล แม้ปลดคน 20% แล้วเลือดยังไหลไม่หยุด
การแข่งขันในโลกธุรกิจ ผู้ที่ปรับตัวได้เร็วสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคและความต้องการของตลาดคือผู้ที่อยู่รอด ส่วนผู้ที่เคยยิ่งใหญ่ก็อาจจะกลายเป็นแค่อดีตในระยะเวลาอันสั้น เช่นเดียวกับกรณีของแบรนด์ GoPro เจ้าตลาด Action Camera ที่ทำให้ทั้งโลกฮือฮาหลังได้รับความนิยมถล่มทลาย และเมื่อเปิดขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) ในปี 2014 ตลาดตอบรับที่ราคา 35.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในเวลาเพียง 3 วัน และเคยแตะจุดสูงสุดที่ 86.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน
เหมือนหนังคนละม้วนเมื่อราคาหุ้นล่าสุด (29 ม.ค.) อยู่ที่ 5.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นเท่านั้น นั่นคือเหลือมูลค่าเพียง 6% ของราคาสูงสุดที่เคยไปถึง เนื่องจากยอดขายของ GoPro ตกต่ำลงต่อเนื่อง เมื่อเปิดต้นปี 2018 ตัวเลขยอดขายไตรมาส 4/2017 อยู่ที่ 340 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าที่เคยประกาศตัวเลขที่ 470 ล้านเหรียญสหรัฐถึง 28% และยอดขายของสินค้าที่เป็นความหวังอย่าง Karma Drone ไม่ประสบความสำเร็จและถูกวิจารณ์ยับเยินเรื่องปัญหาแบตเตอรี่ จนเชื่อว่า GoPro จะเลิกผลิตโดรนด้วยซ้ำ
คาดการณ์ตัวเลขทั้งปี 2017 รายได้ของ GoPro น่าจะอยู่ที่ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะขาดทุนเกือบ 200 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ท้ายที่สุด GoPro ต้องประกาศเลิกจ้างพนักงานทั่วโลก 20% หรือเกือบ 300 คนเพื่อลดต้นทุน ลดราคาขายรุ่น Hero6 Black ตัวใหม่ลงถึง 20% และมีรายงานว่าติดต่อให้วาณิชธนกิจระดับโลกอย่าง JP Morgan ดำเนินการเรื่องขายกิจการให้
นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุสำคัญมาจากการบริหารงานที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางของตลาด ปัจจุบันสมาร์ทโฟนพัฒนาไปได้ไกลมาก และความจำเป็นในการใช้ Action Camera ก็ดูจะไม่ร้อนแรงเท่าเดิม นอกจากนี้การตั้งทีมผลิตสื่อคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ลงทุนสูงและไม่สร้างรายได้ และการแข่งขันตลาดโดรนกับเจ้าตลาดจากแดนมังกรอย่าง DJI นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้มีกระแสข่าวว่าก่อนหน้านี้ GoPro เสนอตัวพัฒนาสินค้าร่วมกับ DJI แต่เจรจาไม่สำเร็จ จึงหันมาทำโดรนออกขายเองและล้มไม่เป็นท่าในที่สุด
จากนี้คงต้องรอลุ้นทั้งราคาหุ้นของ GoPro ว่าจะเป็นเช่นไร และใครจะเข้ามากอบกู้ Action Camera ที่เคยฮอตแบรนด์นี้
อ้างอิง: