สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะขาขึ้นของราคาทองคำ โดยได้อานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหันเข้าหาทองคำเพื่อความอุ่นใจกันอีกครั้ง
โดยราคาทองคำแท่งเมื่อวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ 1,904.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในตลาดฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 1,909.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำให้ในช่วงเดือนที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วเกือบ 7.7%
นักวิเคราะห์ประเมินว่า แนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงได้อีก ทำให้ราคาทองคำมีสิทธิ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้มาก
ด้านราคาน้ำมันในรอบสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มคงที่ โดยอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะได้แรงหนุนจากความต้องการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศทั่วโลก หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทางบวกเพราะวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่รัฐบาลทั่วโลกเร่งแจกจ่ายฉีดให้ประชาชนในประเทศ
โดยราคาน้ำมันดิบเบรนต์ในตลาดฟิวเจอร์สงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ปรับเพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1% มาอยู่ที่ 68.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่นำมันดิบเวสต์ เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% มาอยู่ 66.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวด้านราคาน้ำมันเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาด โดยนักวิเคราะห์ยังมองว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในเดือนนี้ เพราะปริมาณซัพพลายน้อยกว่าความต้องการใช้ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตก็ตาม ขณะเดียวกันหลายฝ่ายต่างจับตามองผลประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่และชาติพันธมิตร (OPEC+) ที่คาดว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำลังการผลิตจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคม
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: