ราคาทองคำและแร่เงินทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการประมูลที่ตลาดลอนดอนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 กันยายน) โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และความคาดหวังที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้
ปัจจัยสำคัญที่จุดชนวนแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) คือความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ Fed หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยกระดับการกดดัน เจอโรม พาวเวล ประธาน Fed และสั่งปลด ลิซา คุก หนึ่งในคณะผู้ว่าการของ Fed ออกจากตำแหน่ง
ราคาทองคำทุบสถิติใหม่ – แร่เงินพุ่งสูงสุดรอบ 14 ปี
ราคาอ้างอิงทองคำ ณ การประมูลช่วงบ่ายของสมาคมตลาดทองคำแท่งแห่งลอนดอน (LBMA) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับธนาคารผู้ค้าทองคำรายใหญ่ ปิดที่ 3,475 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 3,454 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาซื้อขายในตลาด Spot ราคาทองคำได้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกันในวันนี้ (2 กันยายน) แตะระดับ 3,508 ดอลลาร์ ทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้เมื่อ 22 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนราคาแร่เงิน (Silver) ก็พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 40.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แรงกดดัน Fed – เดิมพันลดดอกเบี้ย ปัจจัยหนุนสำคัญ
การทะยานขึ้นของทองคำรอบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้เริ่มดำเนินการสั่งปลด ลิซา คุก ออกจากตำแหน่งผู้ว่าการ Fed เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเธอกำลังต่อสู้ในชั้นศาล การเคลื่อนไหวดังกล่าวประกอบกับสุนทรพจน์ล่าสุดของ เจอโรม พาวเวล ที่เมืองแจ็กสันโฮล ซึ่งมีท่าทีผ่อนคลาย (Dovish) มากขึ้น ได้ตอกย้ำความคาดหวังของตลาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17 กันยายนนี้อย่างแน่นอน
เฮเลน เอมอส นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ BMO กล่าวว่า “ตลาดกำลังกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของสถาบันต่างๆ ในสหรัฐฯ ซึ่งกว้างกว่าแค่เรื่องของ Fed ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วเป็นผลบวกต่อทองคำในแง่ของอุปสงค์สินทรัพย์ปลอดภัย”
ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย (Non-yielding Asset) มักจะได้รับประโยชน์เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครอง นอกจากนี้ รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ ก็ยิ่งสนับสนุนแนวโน้มการลดดอกเบี้ยดังกล่าว
การทะยานขึ้นของราคาทองคำในปีนี้ (ซึ่งปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 33%) ยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเชิงโครงสร้างระยะยาวอื่นๆ ด้วย เช่น ความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของเงินดอลลาร์ในระบบการเงินโลก และการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยงออกจากสกุลเงินดอลลาร์
นักวิเคราะห์จาก Peel Hunt ระบุในบทวิเคราะห์ว่า “ตลาดดูเหมือนจะคาดการณ์ว่ารายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้จะออกมาอ่อนแอ ขณะที่ราคาแร่เงินยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากกระแสข่าวว่าอาจกลายเป็นเป้าหมายรายต่อไปของกำแพงภาษีจากทรัมป์”
ทั้งนี้ ตลาดเมื่อวันจันทร์มีปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากเป็นวันหยุดวันแรงงาน (Labor Day) ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่อาจส่งผลให้ราคามีความผันผวนสูงกว่าปกติ
ภาพ: Ni Lifang/VCG via Getty Images
อ้างอิง: