เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เผยมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% อันเป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่าย อย่างไรก็ดี ไฮไลต์ของการประชุมรอบนี้อยู่ที่รายงานประมาณการภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฉบับเดือนธันวาคม ที่ถูกเปิดเผยออกมาพร้อมกันนั้น มีการระบุถึงคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายในปี 2025 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ระดับ 3.90% หรือเท่ากับขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยราว 0.50% ต่ำกว่าระดับ 1.00% ที่ Fed ประเมินไว้ในเดือนกันยายน
ขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงดังกล่าว ซึ่งแม้จะเป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่ายเช่นกัน แต่หากพิจารณารายงานดังกล่าวเพิ่มเติมแล้ว พบการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ลดคาดการณ์อัตราการว่างงาน สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ Fed ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ขณะที่จากการแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ส่งสัญญาณถึงการใช้ความระมัดระวังที่เพิ่มมากขึ้นในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้ นักลงทุนจึงตอบสนองเชิงลบต่อประเด็นอัตราดอกเบี้ยของ Fed เป็นอย่างมาก โดยมีการเผื่อความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไม่ถึง 0.50% ในปี 2025 หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
ประเด็นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ปัจจัยสำคัญชี้นำราคาทองคำในปี 2025
อย่างไรก็ดี หากย้อนกลับไปในช่วงรอบปีที่ผ่านมาพบว่า ประเด็นอัตราดอกเบี้ยของ Fed นั้นมีความไม่แน่นอนในระดับสูง โดยช่วงเริ่มต้นปี 2024 นักลงทุนมีการเก็งว่า Fed อาจเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้ง หรือราว 1.75% ขณะที่ปลายเดือนเมษายนนักลงทุนปรับคาดการณ์ว่า Fed อาจไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2024 ก่อนที่จะกลับมาปรับคาดการณ์ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยราว 1.00-1.25% ในปี 2024 ช่วงไตรมาส 3
ทั้งนี้ สถาบันการเงินรายใหญ่บางแห่ง อาทิ ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น (HSBC) คาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง หรือ 0.75% สู่กรอบ 3.50-3.75% ภายในปี 2025 ซึ่งมากกว่าคาดการณ์ล่าสุดของ Fed และมากกว่าคาดการณ์ของตลาดในปัจจุบัน โดย HSBC มองเห็นความเป็นไปได้ที่ว่าสถานการณ์ในฝั่งตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในปีหน้าอาจมีการชะลอตัวลงได้มากกว่าที่ Fed ประเมินไว้
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) บ่งชี้ว่า หาก Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.75% ภายในปี 2025 ราคาทองคำมีแนวโน้มรักษาการทรงตัวในกรอบระดับสูงต่อไปได้ แต่การปรับตัวขึ้นต่ออาจยังจำกัด เนื่องด้วย WGC ประเมินว่าด้วยขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ได้กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลงได้มากนัก ส่งผลให้ต้นทุนการถือครองทองคำยังอยู่ในระดับสูง
ขณะที่หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐฯ อ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ กระตุ้นให้ Fed ต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรง โดย WGC ประเมินสถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยของ Fed ถูกปรับลงสู่กรอบ 2.75-3.00% ภายในปี 2025 เท่ากับคาดการณ์ของตลาดช่วงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่ 0.50% ในเดือนกันยายนนั้นมีแนวโน้มหนุนให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี จากมุมมองเชิงบวกทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ประกอบกับการส่งสัญญาณของ Fed ที่บ่งชี้ว่า ความคืบหน้าในกระบวนการปรับตัวลงของเงินเฟ้อนั้นถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้ ขณะที่การหวนคืนทำเนียบขาวในปี 2025 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งแนวทางการดำเนินนโยบายนั้นถูกประเมินว่ามีแนวโน้มส่งเสริมการค้างตัวในระดับสูงของเงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มความเสี่ยงต่อการบรรลุเป้าหมายด้านเงินเฟ้อของ Fed ทำให้ในปัจจุบันนักลงทุนให้ความเป็นไปได้ที่ Fed อาจไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เท่ากับที่ส่งสัญญาณไว้มากกว่าเมื่อเทียบกับความเป็นไปได้อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น ทอร์สเทน สล็อก นักเศรษฐศาสตร์ของ Apollo Global Management ประเมินความเป็นไปได้ถึงระดับ 40.0% ที่ Fed อาจกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ขณะที่นักลงทุนประเมินความเป็นไปได้ของสถานการณ์ดังกล่าวที่ราว 30.0% พร้อมให้น้ำหนักราว 60.0% ต่อคาดการณ์ที่ Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 0.25% ในปีหน้า
แม้เจ้าหน้าที่ Fed หลายรายเคยมีการให้ถ้อยแถลงที่ตรงกันว่า Fed ยังคงอยู่บนหนทางในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่จากการแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ล่าสุดเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว บ่งชี้ว่า Fed ยังไม่ละทิ้งทุกความเป็นไปได้ในการดำเนินนโยบายการเงิน อนึ่ง หาก Fed ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 สถานการณ์เช่นนี้จะสร้างแรงกดดันเป็นอย่างมากต่อราคาทองคำ
ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ปัจจัยหนุนที่สำคัญของราคาทองคำ
แม้ประเด็นอัตราดอกเบี้ยของ Fed มีแนวโน้มชี้นำทิศทางราคาทองคำได้ค่อนข้างมาก แต่กระนั้นราคาทองคำยังสามารถถูกชี้นำได้ด้วยปัจจัยอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) ประเมินว่าความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองจะเป็นปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่งของราคาทองคำ ไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะมีทิศทางใดก็ตาม โดยสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมทั้งการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังส่อแววยืดเยื้อและมีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับความรุนแรงขึ้นได้ในระยะข้างหน้า ยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการเข้าซื้อทองคำของนักลงทุนในปี 2025
ขณะที่การหวนคืนทำเนียบขาวของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีแนวโน้มก่อสงครามการค้า 2.0 ซึ่งรอบนี้อาจสร้างผลกระทบเชิงลบทางเศรษฐกิจที่รุนแรงมากกว่าและหนุนการค้างตัวในระดับสูงของเงินเฟ้อ จำกัดขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed โดยแม้นักวิเคราะห์หลายรายจะประเมินว่าทรัมป์จะไม่เร่งดำเนินนโยบายที่อาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่กระนั้นทรัมป์อาจทยอยประกาศตั้งกำแพงภาษีกับประเทศต่างๆ ได้ในปีนี้ เพื่อเว้นระยะสำหรับการเจรจาต่อรองของประเทศดังกล่าว ซึ่งตลาดมีแนวโน้มตอบรับกับการประกาศของทรัมป์ในทันที ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่อาจสร้างความผันผวนได้เป็นอย่างมากในปี 2025
ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองดังกล่าวทำให้ตลาดการเงินมีแนวโน้มเผชิญกับความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในสหรัฐฯ แต่ยังส่งผลต่อไปยังตลาดการเงินแห่งอื่นทั่วโลก ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้มีส่วนชี้นำให้ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มระดับการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและอัตราแลกเปลี่ยน ดำรงความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน
อนึ่ง โมฮัมเหม็ด เอ. เอล-เอเรียน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ปรึกษาของอลิอันซ์ ให้ความเห็นว่า การเพิ่มการถือครองทองคำของธนาคารกลางมีส่วนมาจากความต้องการกระจายความเสี่ยงออกจากการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรสหรัฐฯ ดังนั้นความไม่แน่นอนของทั้งประเด็นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และแนวทางการดำเนินนโยบายของทรัมป์อาจเป็นสถานการณ์กระตุ้นให้ธนาคารกลางพิจารณาเพิ่มทองคำในทุนสำรองฯ
ด้วยเหตุนี้แม้ราคาทองคำอาจถูกกดดันตามแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จำกัดของ Fed แต่อาจได้รับแรงหนุนให้สามารถรักษาการทรงตัวเหนือระดับ 2,470 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากการถูกซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งในนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันอย่างธนาคารกลาง อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนติดตามปัจจัยที่มีส่วนชี้นำทิศทางราคาทองคำ เพื่อประเมินสถานการณ์การลงทุนอย่างต่อเนื่อง