ราคาทองคำ ทั้งในสกุลเงินดอลลาร์และสกุลเงินบาทพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นแตะ 2,886 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากปรับตัวขึ้น 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่ราคาทองคำในไทยเพิ่มขึ้นเป็น 45,500 บาทต่อบาททองคำ ในช่วงระหว่างวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเพิ่มขึ้นมา 3,100 บาท นับแต่ต้นปี 2568
ฮั่วเซ่งเฮงระบุว่า ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ
ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การตอบโต้ของจีนถือว่าไม่รุนแรงเท่ากับในสมัยแรกของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อจีนใช้มาตรการภาษีตอบโต้ที่เกือบเทียบเท่ากับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบต่อสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ตลาดกำลังจับตาดูว่ามาตรการภาษีจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ หรือไม่ หากทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง
นอกจากนี้ความไม่แน่นอนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อทรัมป์เสนอให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมฉนวนกาซาและรับผิดชอบในการฟื้นฟูดินแดนที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม ในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ช่วยหนุนราคาทองคำจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำอาจสูญเสียแรงหนุนบางส่วนหากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง
ชารุ ชานานา นักกลยุทธ์จาก Saxo Capital Markets Pte Ltd กล่าวว่า “ใครจะไม่ชอบสินทรัพย์ปลอดภัยในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีข่าวดีเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นจากข่าวฉนวนกาซาจะยังคงช่วยหนุนราคาทองคำต่อไป ไม่ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดก็ตาม”
ภาพ: FOTOGRIN / Shutterstock
อ้างอิง: