นักวิเคราะห์ทองคำมองแนวโน้มราคาทองคำอยู่ใน ‘กรอบขาลง’ ตลอดไตรมาส 3 แม้เงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูง สาเหตุหลักมาจาก Fed เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อเร็วขึ้นเกือบเท่าตัว ส่งผลให้นักลงทุนมองข้ามทองคำและเข้าถือครองเงินดอลลาร์ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ทองคำคือสินทรัพย์ปลอดภัย หรือ Save Haven สำหรับป้องกันความเสี่ยงยามที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูง อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวราคาทองคำล่าสุดกลับไม่เป็นไปตามข้อมูลในอดีต เมื่อสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนที่ระดับ 9.1% ซึ่งสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง แต่ราคาทองคำ (Spot) กลับดิ่งลงสู่ระดับ 1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อสำรวจความเคลื่อนไหวราคาตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงปัจจุบันพบว่า ราคาทองคำลดลงมาแล้ว 13.02% ส่วนราคาตั้งแต่ต้นปีถึงจนปัจจุบันปรับลดลง 4.42%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำปีนี้เปลี่ยนไปจากสถิติในอดีต สาเหตุหลักมาจากพฤติการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าในอดีตเกือบ 1 เท่าตัว
โดยในอดีตนั้น เมื่ออัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นสูงกว่าระดับเป้าหมาย Fed จะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อน จากนั้นจึงทยอยปรับขึ้นจริงตามมา ซึ่งจะมีเวลาให้ทองคำถูกใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงประมาณ 3-6 เดือน ก่อนที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง
“แต่ครั้งนี้ทองคำถูกใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อราว 3 เดือนเท่านั้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ครั้งนี้ก็รุนแรงกว่าในอดีตมาก โดยล่าสุดมีการคาดการณ์ว่า การประชุมรอบปลายเดือนกรกฎาคมนี้มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ซึ่งหากเป็นไปตามมุมมองนี้ ราคาทองคำจะถูกเทขายอีกระลอก เป็นการ Sell on Fact” ณัฐวุฒิกล่าว
เขากล่าวต่อว่า ในปลายไตรมาส 3 ปีนี้ ราคาทองคำน่าจะเริ่มทรงตัวได้ และอาจเริ่มไต่ระดับสู่ขาขึ้นอีกครั้ง หากว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านพ้นจุดพีคและเริ่มปรับลดลง หรือทรงตัวในระดับ 7-8% รวมถึง Fed เริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยปัจจัยเรื่องอัตราเงินเฟ้อจะเป็นตัวกำหนดทิศทางความเคลื่อนไหวราคาทองคำต่อไป
ทั้งนี้ บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำปีนี้ กรอบบนอยู่ที่ 1,850 จุด และกรอบล่างอยู่ที่ 1,600 จุด
เดวิด เลนน็อกซ์ นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ Fat Prophets กล่าวว่า ตอนนี้นักลงทุนเลือกถือครองเงินดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยง แทนที่จะเลือกใช้ทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงดังเช่นในอดีต ซึ่งหากจะหาจุดที่พลิกกลับของราคาทองคำ ก็ต้องรอให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเสียก่อน
โดยตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ราคาทองคำมีความผันผวน เนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม เมื่อมีสัญญาณของการอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น แนวกราฟของทองคำก็แทบจะกลับทิศในทันที
นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก CPM Group ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในทางทฤษฎี ราคาทองคำควรได้รับประโยชน์จากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ต้องรับรู้คือ ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเหล่านี้บ่งชี้ว่า Fed มีแนวโน้มที่จะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับขึ้นในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัว ซึ่งการดำเนินนโยบายเช่นนี้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ และทำให้กระแสเงินลงทุนไหลเข้าถือครองเงินดอลลาร์ แทนที่จะเป็นทองคำ
ด้าน คอลิน ซีซินสกี หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ SIA Wealth Management กล่าวว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างปรับตัวลดลงกันถ้วนหน้า โดยทองแดงร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ส่งสัญญาณว่าความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) กำลังเข้ามาแทนที่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ เขาจึงเชื่อว่าแรงกดดันเงินเฟ้อต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มคลี่คลายแล้วในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า หากเกิดภาวะ Recession จริง จะทำให้อุปสงค์เสียหายมากพอที่จะส่งผลกระทบต่อปัญหาอุปทานทั่วโลกที่สำคัญหรือไม่ ซึ่งคอลินมองว่า คำตอบเรื่องนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าอัตราเงินเฟ้อว่าจะเป็นอย่างไรจนถึงปี 2023
ทั้งนี้ แม้ว่าทองคำจะถูกขายออกมาอย่างมากจนกดให้ราคาปรับลดลง แต่คอลินเชื่อว่ายังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับลดลงไปทดสอบระดับ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม คอลินยังมองว่าทองคำยังเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง:
- https://www.kitco.com/news/2022-07-13/This-is-why-gold-is-below-1-800-even-as-U-S-inflation-hits-a-40-year-high-at-9-1.html
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-07-14/gold-wavers-as-nervous-traders-again-turn-to-greenback-as-haven?sref=CVqPBMVg
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
