ราคาทองคำร่วงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังดอลลาร์แข็งจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย

ทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอยมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นักวิเคราะห์มองเทรนด์ระยะกลางทองคำเข้าสู่ช่วงขาลงแล้ว ลุ้นความความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงจบเร็วพยุงราคาทองคำฟื้นกลับช่วงปลายปี

เมื่อคืนนี้ Bloomberg Dollar Spot Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ส่วนทองคำร่วงลง 2.3% สู่ระดับ 1,767.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมในการซื้อขายระหว่างวัน ขณะที่ราคาทองคำในไทยวันนี้ (6 กรกฎาคม) ทองคำแท่งมีราคารับซื้อที่ 30,150 บาทต่อบาททองคำ และขายออกอยู่ที่ 30,250 บาทต่อบาททองคำ

ทั้งนี้ ราคาทองคำร่วงลงเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี จึงเกิดการเทขายทองคำอย่างหนักท่ามกลางความกังวลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อเอาชนะอัตราเงินเฟ้อ อาจทำให้เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกชะลอตัวลง

ขณะเดียวกัน ค่าเงินยูโรที่ร่วงลงอย่างเด่นชัดยังทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการคาดกาณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะชะลอนโยบายการเงินที่เข้มงวดกว่า Fed หลังจากเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ เพราะยุโรปมีการนำเข้าพลังงานอย่างมาก และตอนนี้กำลังเผชิญความเสี่ยงเรื่องโครงสร้างพลังงาน

วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการ นักวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำในระยะกลางเริ่มเข้าสู่เทรนด์ขาลง เนื่องจากมีแรงขายทองคำออกมาค่อนข้างมาก เพราะนักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น โดยล่าสุดราคาทองคำปรับลดลงทำระดับต่ำสุดครั้งใหม่ที่ 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์

“สาเหตุที่ราคาทองคำปรับลดลง เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าอย่างมากในรอบ 2 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากเงินยูโรอ่อนค่าหนัก หลังจากนักลงทุนมองเห็นแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเร็วกว่าสหรัฐฯ แต่นักลงทุนก็ยังมองว่าทองคำยังไม่น่าสนใจในตอนนี้ จึงเทขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยง”

วรุตกล่าวว่า หากราคาทองคำสะท้อนความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยถึงระดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับเริ่มเห็นการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่สูงมาก เงินเฟ้อเริ่มลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ Fed ตัดสินใจไม่ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรง ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และราคาทองคำก็น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง ซึ่งน่าจะเริ่มเห็นทิศทางเช่นนี้ในไตรมาส 4 ปีนี้

อย่างไรก็ตาม ต้องดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเรื่องการดำเนินนโยบายการเงิน และสัญญาณทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนทยอยขายเพื่อทำกำไรเมื่อราคาเริ่มรีบาวด์กลับมาที่ระดับ 1,784-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวอีกครั้ง โดยมองแนวรับที่ 1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดโลว์เดิมเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว และแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,737-1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่วนกรอบราคาทองคำในสกุลเงินบาท มองแนวต้านที่ 30,450 และ 30,750 บาทต่อบาททองคำ และแนวรับที่ 29,850, 29,600 และ 29,400 บาทต่อบาททองคำ

ด้านฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ราคาทองคำย่อตัวลงแรง หลังตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์เผชิญแรงเทขายอย่างหนัก เริ่มจากน้ำมันดิบปรับตัวลงหลุดระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับราคาทองคำปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากดัชนีดอลลาร์แข็งค่าเพิ่มขึ้นที่ระดับ 106.49 สอดคล้องกับ SPDR เทขาย 9.86 ตัน

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่าในระหว่างวันหากราคาทองคำรีบาวด์ไม่ผ่าน 1,785 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ทยอยขายทำกำไร

อ้างอิง: