×

ทองคำ All Time High ราคาพุ่งทะลุ 2,555 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังนักลงทุนเชื่อมั่นอย่างหนักว่า Fed จะจุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในสัปดาห์หน้า

13.09.2024
  • LOADING...
ทองคำ

ราคา ทองคำ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (12 กันยายน) โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า หลังจากข้อมูลของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว

 

ราคาทองคำในตลาดสปอตพุ่งขึ้น 1.8% แตะที่ 2,556.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 1.7% แตะที่ 2,585.20 ดอลลาร์

 

แม้ว่ารายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) ในเดือนสิงหาคมจะสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับ 0.1% ในเดือนก่อนหน้า แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง 

 

และในวันเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย เป็น 230,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 กันยายน ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และดอลลาร์ร่วงลงหลังจากมีรายงานดังกล่าว และทำให้ทองคำแท่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนมากขึ้น

 

ปัจจุบันตลาดกำลังคาดการณ์โอกาสที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 กันยายนอยู่ที่ 87% และมีโอกาส 13% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามข้อมูลล่าสุดจาก CME FedWatch Tool 

 

ฟิลลิป สไตรเบิล หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Blue Line Futures กล่าวว่า “ตลาดแรงงานยังคงผันผวน และหากตลาดแรงงานแย่ลง การเริ่มต้นในการลดอัตราดอกเบี้ยจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง” 

 

นอกเหนือจากราคาทองคำแล้ว ราคาแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 1,035.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากโลหะประเภทนี้ได้รับประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของการปิดสัญญาซื้อขายระยะสั้น หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพุธ (11 กันยายน) ว่า อาจพิจารณาจำกัดการส่งออกยูเรเนียม ไทเทเนียม และนิกเกิล เพื่อเป็นการตอบโต้ฝ่ายตะวันตก

 

นิเตช ชาห์ นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ WisdomTree แสดงความเห็นว่า แม้ปูตินจะไม่ได้พูดถึงแพลเลเดียม แต่เนื่องจากโลหะนี้เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการผลิตนิกเกิลของรัสเซีย การจำกัดการส่งออกดังกล่าวอาจทำให้การผลิตโลหะทั้งสองชนิดลดลง และทำให้ภาวะขาดแคลนแพลเลเดียมในปัจจุบันรุนแรงขึ้น 

 

ยูโรแข็งค่าหลัง ECB ลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ของปี 

 

ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ และ คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ลดมุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม โดยกล่าวว่า ธนาคารจะให้ข้อมูลเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการดำเนินการตามนโยบายครั้งต่อไป

 

ECB ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงเหลือ 3.5% ตามที่คาดการณ์กันไว้ อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ลดลงถึง 0.60% อยู่ที่ 3.65% ข้อมูลของ LSEG เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสราว 70% ที่ ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนตุลาคม ส่วนโอกาสที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนตุลาคมนั้นอยู่ที่ประมาณ 30%

 

โอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Saxo กล่าวกับ Bloomberg ว่า “รายละเอียดข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และรายงาน PPI เพียงพอที่จะส่งให้ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง” เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดทองคำ การเริ่มต้นของวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนราคาทองคำ ไม่ว่าการปรับลดจะมากน้อยเพียงใด  

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising