รายงานจาก นาตาลี เพียร์ซ หัวหน้ากลุ่ม Global Shapers Community ของ World Economic Forum

ปัจจุบันประชากรกว่าครึ่งบนโลกของเรามีอายุต่ำกว่า 30 ปี ทำให้เยาวชนถือเป็นกลุ่มคนสำคัญที่จะสร้างอนาคตโลก ข่าวดีก็คือพวกเขาเหล่านี้ต่างมองโลกในแง่ดีและมีความยืดหยุ่นสูง แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ ภาคธุรกิจ รัฐบาล และองค์กรต่างๆ จึงควรลงทุนในความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น

และด้วยการสนับสนุนเสียงของผู้เป็นเจ้าของโลกในอนาคตเหล่านี้ จะช่วยให้เราปลดล็อกการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ เพื่อแก้วิกฤตการณ์ที่ท้าทายที่สุดในยุคของเรา

เยาวชนถือเป็นผู้มีบทบาทเด่นในฐานะนักสร้างการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะเข้ามาแก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ เช่น ภาวะฉุกเฉินด้านโลกรวน ความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้น ประเด็นความขัดแย้ง และความท้าทายเกี่ยวกับการรับนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันในอุดมคติเท่านั้น แต่รายงาน Global Shapers Impact Report ประจำปี 2025 ของ World Economic Forum แสดงให้เห็นชัดเจนว่าโครงการต่างๆ นับร้อยที่นำโดยคนรุ่นใหม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับโลก

ขณะเดียวกัน รายงานฉบับนี้ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทัศนคติของผู้นำรุ่นเยาว์ทั่วโลก พร้อมแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่สดใหม่ที่จะช่วยก่อร่างสร้างอนาคตให้กับพวกเราทุกคน

ผลการสำรวจผู้นำรุ่นเยาว์ 4,000 คนที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี จากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ ซึ่งตรงข้ามกับภาพจำที่หลายคนมองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ใส่ใจหรือสนใจเรื่องการเมือง

ปัจจุบันโลกของเรามีจำนวนประชากรที่เป็นเยาวชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ข่าวดีก็คือเยาวชน 83% มองว่าโลกเต็มไปด้วยโอกาส ขณะ 74% รู้สึกว่าตนเองมีพลังในการลงมือแก้ปัญหาที่พวกเขาสนใจ

นอกจากนี้ เยาวชน 68% ใฝ่ฝันที่จะมีบทบาทเป็นผู้นำมากขึ้น ส่วนอีก 50% เชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถมีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจต่างๆ ได้

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะขณะเดียวกันพวกเขาก็ตระหนักถึงปัญหาความท้าทายที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างลึกซึ้ง โดยพวกเขามองว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศของตนคือการขาดแคลนโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมถึงวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและการเพิกเฉยของรัฐบาล

แต่หากมองในระดับโลก เยาวชนคิดว่าภาวะโลกรวนคือปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุด ตามมาด้วยปัญหาการขัดแย้งกันทางอาวุธ การถูกบังคับย้ายถิ่นฐาน และการขาดแคลนสวัสดิการพื้นฐาน

ปัญหาเศรษฐกิจที่คนหนุ่มสาวต้องเผชิญเป็นปัญหาที่ยากจะรับมือ แม้อัตราการว่างงานของเยาวชนทั่วโลกจะลดลงต่ำสุดในรอบ 15 ปี มาแตะที่ 13% และคาดว่าจะลดลงอีกเหลือ 12.8% ในปี 2025 แต่ตัวเลขเหล่านี้ยังซ่อนข้อเท็จจริงที่น่ากังวลอีกหลายประการ

ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาและการฝึกอบรมที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้โอกาสในการเข้าถึงอาชีพที่มีรายได้ดียังคงจำกัด โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้น้อย ซึ่งมีเยาวชนเพียง 20% เท่านั้นที่มีงานประจำ ตรงข้ามกับประเทศร่ำรวยที่มีสัดส่วนสูงถึง 80%

ยิ่งไปกว่านั้น คนหนุ่มสาวกว่า 2 ใน 3 ของประเทศกำลังพัฒนาทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ตรงกับทักษะของตนเอง ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังและรู้สึกแปลกแยก

แต่ถึงแม้จะเผชิญอุปสรรคดังกล่าว ผู้นำรุ่นเยาว์จากกลุ่ม Global Shapers Community ก็ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับรากหญ้าให้กับชุมชนต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่การสร้างสมดุลของอำนาจทางการเมืองระหว่างคนแต่ละเจน ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาให้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส

ยกตัวอย่างในเนปาล โครงการ Global Shapers Kathmandu Hub กำลังพลิกโฉมโครงสร้างอำนาจแบบเดิม และสนับสนุนการปกครองที่โปร่งใสด้วยการเลือกตั้ง นอกจากนี้พวกเขายังสร้าง ‘ตัวเร่งภาวะผู้นำทางการเมือง’ เพื่อเตรียมคนรุ่นใหม่ให้มีส่วนร่วมในแวดวงการเมืองมากขึ้น

สิ่งนี้ส่งผลให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมทางการเมืองเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ และมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีรุ่นใหม่หลายคน ความคิดริเริ่มดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่งทั่วโลก เนื่องจากเสียงของคนรุ่นใหม่ในกระบวนการประชาธิปไตยยังมีจำนวนน้อยมาก โดยจำนวนสมาชิกรัฐสภาซึ่งมีอายุไม่เกิน 30 ปีทั่วโลกอยู่ที่เพียง 2.8% เท่านั้น

มาในฟากฝั่งของประเทศอื่นๆ กันบ้าง เยาวชนในเนเธอร์แลนด์กำลังใช้เทคโนโลยีเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านทางเท้าที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยโครงการ Global Shapers Amsterdam Hub ได้พัฒนาแอปพลิเคชันนำทางที่แจ้งสิ่งกีดขวางบนทางเท้าได้แบบเรียลไทม์ เช่น ทางเดินยกสูงหรือมีเฟอร์นิเจอร์ริมถนน เพื่อช่วยเหลือผู้พิการเกือบ 2 ล้านคนในประเทศ

แอปนี้ไม่เพียงแต่ช่วยคนทั่วไปเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันก็ได้สร้างชุดข้อมูลที่แข็งแกร่งซึ่งจะมีอิทธิพลต่อนักวางแผนเมืองอีกด้วย โปรเจกต์นี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่มีความพร้อมและสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาในสังคมได้อย่างสร้างสรรค์

นับตั้งแต่ก่อตั้งโครงการในปี 2011 จนถึงปัจจุบัน Global Shapers Community ได้มีส่วนร่วมกับผู้นำรุ่นเยาว์มากกว่า 30,000 คน ในกว่า 500 เมืองทั่วโลก

และด้วยความร่วมมือนี้ พวกเขาได้ดำเนินโครงการในท้องถิ่นมากกว่า 3,000 โครงการ ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนกว่า 2 ล้านคน ผ่านการเพิ่มการเข้าถึงด้านการศึกษา การจ้างงาน ที่อยู่อาศัย และการดูแลสุขภาพ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ริเริ่มการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและการสนับสนุนความหลากหลายในสังคม

ยิ่งไปกว่านั้น โครงการที่นำโดยคนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ได้ดำเนินไปเพียงลำพัง เพราะหัวใจสำคัญคือการร่วมมือกัน การวิเคราะห์รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่านักสร้างการเปลี่ยนแปลงรุ่นเยาว์ 23% มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับสังคมพลเมือง ขณะที่ 15% มีส่วนร่วมกับภาคเอกชน และ 12% มีส่วนร่วมกับสถาบันการศึกษาและรัฐบาล

เพื่อขยายศักยภาพของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และสนับสนุนพวกเขาให้สร้างโลกที่โอบรับความหลากหลายและยั่งยืนในอนาคต องค์กร ภาคธุรกิจ และรัฐบาล ควรใช้ประโยชน์จากความร่วมมือนี้ด้วยการลงทุนในผู้นำรุ่นเยาว์ พร้อมสนับสนุนภารกิจของพวกเขาใน 5 มิติด้วยกัน

ประการแรก สิ่งสำคัญคือต้องดึงเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในประเด็นที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะการดึงเยาวชนเข้ามาร่วมในโครงการริเริ่มที่พวกเขาสนใจ สถาบันต่างๆ ก็จะมีโอกาสในการใช้ทักษะเฉพาะตัวของพวกเขาได้

ประการที่สอง โครงการที่เยาวชนเป็นผู้นำจำเป็นต้องได้รับเงินทุนและทรัพยากรอย่างต่อเนื่องจึงจะประสบความสำเร็จได้ องค์กรต่างๆ ต้องให้ความสำคัญกับการสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงรุ่นเยาว์ ควบคู่ไปกับการให้คำปรึกษา

นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่จะต้องมีบทบาทในการประชุมที่ส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ผ่านการสร้างพื้นที่โอบรับความหลากหลาย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนรุ่นใหม่สามารถมีส่วนสนับสนุนการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ได้

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการสร้างเครื่องมือให้ผู้นำรุ่นเยาว์ได้ขยายศักยภาพของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น การฝึกอบรมเกี่ยวกับการสนับสนุน การเปลี่ยนแปลงระบบ และทักษะสำคัญอื่นๆ จะทำให้เยาวชนสามารถขยายขอบเขตของความพยายามและความคิดริเริ่มของตนได้

ท้ายที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับว่าเยาวชนคือผู้มีส่วนสนับสนุนสำคัญต่อความก้าวหน้าของโลก มุมมองและแนวทางแก้ไขปัญหาของพวกเขามีความสำคัญต่อการกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ส่งผลต่อชีวิตและชุมชนของพวกเขา

หากผู้นำทุกภาคส่วนร่วมกันปฏิบัติตามหลักทั้ง 5 ประการนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นซีอีโอหรือรัฐมนตรี ก็จะสามารถผสานรวมคนแต่ละเจนเข้าด้วยกัน พร้อมส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่สร้างโซลูชันที่ครอบคลุม ซึ่งจะช่วยให้เกิดโลกที่เท่าเทียมและยั่งยืนมากขึ้นต่อไปในอนาคต