จะเห็นได้ว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่โดดเด่นของกองทุนดัชนี โดยหลายๆ ประเทศได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทว่าปีนี้การเติบโตจะลดความร้อนแรงลงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่เริ่มชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และ Index Fund บางเซกเตอร์ที่ขึ้นมาเยอะแล้วในปีที่ผ่านมาก็จะเติบโตช้าลงในปีนี้ ดังนั้นภาพการลงทุนในปีนี้เราจึงต้องมองหาธีมเด่นๆ ที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวจาก Core Portfolio โดยหนึ่งในธุรกิจที่น่าจับตามองก็คือ การเติบโตของบริษัทจดทะเบียนที่มาจาก New S-Curve หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ Megatrend
อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่เน้นการเติบโตที่สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของโลก หรือได้รับประโยชน์จาก Global Megatrends ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของผู้คน รวมถึงพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในโลกอนาคตต่างๆ จึงเป็นการมุ่งหากำไรในระยะยาวมากกว่าในระยะสั้น ซึ่งนอกจากการลงทุนใน Thematic ที่มักเน้นเป็นการลงทุนระยะยาวแล้ว ยังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือ High Growth และ High PE ซึ่งอาจทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง และส่งผลกระทบในระยะสั้นกับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานและความสามารถในการเติบโตที่แข็งแกร่ง จึงนับว่าเป็นโอกาสในการสะสมเพิ่มเติมที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับนักลงทุนได้
ทั้งนี้ การลงทุนใน Thematic ส่วนใหญ่ค่อนข้างมีความผันผวนสูง หากนักลงทุนเลือกลงทุนเอง อาจจะไม่ได้รับความสะดวกหรือไม่มีเวลาติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ทาง บลจ.ไทยพาณิชย์ จึงได้นำเสนอกองทุนที่คัดสรรมาแล้วจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อตอบโจทย์ที่โดนใจให้กับนักลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Megatrends (SCBMEGA) ซึ่งจะเปิดให้นักลงทุนได้เริ่มลงทุนหลัง IPO อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
สำหรับ SCBMEGA เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีรูปแบบโมเดลธุรกิจที่สอดคล้องกับ Global Megatrends และคาดว่าจะเป็นบริษัทผู้นำในอนาคต โดยใช้การบริหารพอร์ตแบบ Core & Satellites โดยมีจุดเด่นจากการลงทุนที่หลากหลายกลุ่มธุรกิจและหลายธีม จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการกระจุกตัวบนกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว อีกทั้งผู้จัดการกองทุนยังสามารถปรับสัดส่วนน้ำหนักแต่ละธีมการลงทุนให้เหมาะสมได้ตามสภาพตลาด
นอกจากนี้ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอได้ในระยะยาว จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นอยู่ในอนาคต ที่สะท้อนให้เห็นได้ในรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันกองทุนนี้นับว่าได้เข้าถึงการลงทุนระดับเวิลด์คลาสในการคัดสรรการลงทุนในกองทุนชั้นนำต่างๆ ผ่านความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนระดับโลกอย่างจูเลียส แบร์
กองทุน SCBMEGA เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ เช่น หน่วย CIS หน่วยของกองทุนอีทีเอฟ (ETF) เป็นต้น โดยมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นเมกะเทรนด์ที่มีการเติบโตเชิงโครงสร้างในธีมการลงทุนที่สำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในรูปแบบใหม่ การอุปโภคบริโภคที่ให้ความสำคัญต่อผลกระทบที่อาจมีต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการประยุกต์ใช้ซึ่งเทคโนโลยีด้านดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน โดยจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยบริษัทได้มอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด เป็นผู้รับมอบหมายงานด้านการจัดการลงทุนของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน
นอกจากนี้กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกผ่านการลงทุนในกองทุนหลัก (Core Fund) และกองทุนเสริม (Satellites Funds) เพื่อสร้างการเติบโตของผลตอบแทน โดยการลงทุนแบบ Pro-active และปรับเปลี่ยนการลงทุน Satellites ให้เหมาะกับสภาวะโอกาสที่น่าสนใจ โดย 5 เมกะเทรนด์หลักที่เลือกลงทุน ประกอบด้วย
- Arising Asia – การเพิ่มขึ้นของประชากรในภูมิภาคเอเชีย
- Digital Disruption – เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- Energy Transition – แนวโน้มการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงาน
- Feeding the World – ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตทรัพยากรที่จะรองรับการเพิ่มขึ้นของประชากรโลกในอนาคต
- Shifting Lifestyle – โครงสร้างอายุของประชากรที่เปลี่ยนไป
สำหรับกองทุนหลักจะลงทุนผ่านกองทุน JB Equity Next Generation Fund ด้วยการคัดเลือกบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตระยะยาว มีอัตรากำไรสูง และเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้ชนะในอนาคต ส่วนกองทุนเสริมจะลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายที่ได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์เช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นได้เลือกลงทุนใน 3 กองทุน ได้แก่ Robeco Global Consumer Trends ลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มและรูปแบบของการบริโภค, BB Adamant Digital Health ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาระบบ Healthcare ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง และ Pictet-Nutrition Fund ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของ Food Chain
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP