×

ดีล M&A ทั่วโลกชะงัก ต่ำสุดรอบ 20 ปี ผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์

07.05.2025
  • LOADING...
ดีล M&A

กิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ทั่วโลกและในสหรัฐอเมริกา ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองทศวรรษในเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดชนวนสงครามการค้าโลก เมื่อวันที่ 2 เมษายน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนซบเซาหนักยิ่งกว่าช่วงที่เลวร้ายที่สุดของวิกฤตโควิด และวิกฤตการเงินโลกปี 2008

 

ข้อมูลจาก Dealogic ที่รวบรวมให้แก่ Reuters ชี้ว่า จำนวนสัญญา M&A ที่ประกาศทั่วโลกในเดือนเมษายน ลดลงเหลือเพียง 2,330 ดีล ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2005 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายเดือนในอดีตถึง 34%

 

สำหรับตลาด M&A ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกา มีการลงนามในสัญญาเพียง 555 ดีล ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนน้อยที่สุดรายเดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2009

 

เหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกเองว่า ‘วันปลดแอก’ (Liberation Day) เมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเขาได้ประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศ ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วตลาดโลกอย่างรุนแรง ส่งผลให้ซีอีโอของหลายบริษัท เช่น Chime ไปจนถึง StubHub ต้องตัดสินใจถอนแผนการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)

 

ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันยังทำให้วาณิชธนากร (Bankers) ซึ่งมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและโบนัสจากการอำนวยความสะดวกในดีลต่างๆ ต้องแนะนำให้ลูกค้าชะลอแผนการทำ M&A และ IPO ออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนและสม่ำเสมอในนโยบายของสหรัฐฯ

 

ลอเรนโซ พาโอเลตติ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจของ Truist Securities กล่าวว่า “ผมแนะนำให้ลูกค้ารอไปก่อน ซีอีโอและซีเอฟโอยังไม่เข้าใจถ่องแท้ว่ากำแพงภาษีจะส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างไร ดังนั้น การถือเงินสดไว้ก่อนจึงดีกว่า”

 

ก่อนหน้านี้ วาณิชธนากรหลายรายคาดการณ์ว่าปี 2025 จะเป็นปีทองสำหรับดีล M&A ภายใต้การบริหารของทรัมป์ที่สนับสนุนภาคธุรกิจ แต่แผนกำแพงภาษีที่จุดชนวนสงครามการค้าโลกได้ทำให้สถานการณ์พลิกผัน

 

มูลค่าดีลร่วงระนาว ความผันผวนพุ่ง

 

แม้จะมีดีลขนาดใหญ่บางดีล เช่น การเข้าซื้อกิจการบริษัทประมวลผลบัตรและบริการบัญชีมูลค่า 2.425 หมื่นล้านดอลลาร์ ของ Global Payments ในเดือนเมษายน ซึ่งช่วยพยุงภาพรวมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการดิ่งลงของมูลค่ากิจกรรม M&A ทั่วโลก โดยข้อมูลจาก Dealogic แสดงให้เห็นว่า มูลค่าดีลในเดือนเมษายนร่วงลงเหลือ 2.43 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 54% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายเดือนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาถึง 20%

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความซบเซา ยังมีจุดสว่างสำหรับดีล M&A ในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมูลค่าส่วนใหญ่อยู่ในทรัพย์สินทางปัญญา เช่น อัลกอริทึมและซอฟต์แวร์ มากกว่าสินค้าที่จับต้องได้ซึ่งอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากกำแพงภาษี อุตสาหกรรมเทคโนโลยีคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของมูลค่าดีลรวมเกือบ 6 แสนล้านดอลลาร์ ที่ลงนามในปีนี้ในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ เองก็ครองสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่ากิจกรรมดีลทั่วโลก

 

เควิน ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่าย M&A ระดับโลกของ Citi กล่าวว่า ความไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่อแต่ละอุตสาหกรรมแตกต่างกัน กลุ่มโทรคมนาคม สื่อ บริการ น้ำมันและก๊าซ และสาธารณูปโภค เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ขณะที่บางส่วนของภาคอุตสาหกรรมการผลิต การดูแลสุขภาพ และเทคโนโลยี กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจครั้งใหญ่เนื่องจากการประกาศใช้ภาษี “ใครก็ตามที่เป็นผู้ผลิต ไม่ว่าจะนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ หรือส่งออกสินค้าสำเร็จรูปไปต่างประเทศ จะได้รับผลกระทบทั้งหมด” ค็อกซ์กล่าว

 

ทีมงานของเขากำลังแนะนำให้ลูกค้าใช้เวลาในการทำความเข้าใจความเสี่ยงเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นกับโมเดลธุรกิจของบริษัทเป้าหมายและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยเมื่อวันที่ 22 เมษายน Citi ได้ให้คำปรึกษาแก่ Boeing ในการขาย Jeppesen ซึ่งเป็นบริษัทย่อยด้านซอฟต์แวร์การบิน ให้กับ Thoma Bravo ในมูลค่า 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นดีลในกลุ่มเทคโนโลยี

 

ภาพ: metamorworks / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising