สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานผลการศึกษาดัชนีหนี้สาธารณะที่ทาง เจนัส เฮนเดอร์สัน บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ในอังกฤษจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณหนี้สาธารณะทั่วโลกปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 71.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน ต้นทุนภาระหนี้ในปีนี้ยังมีแนวโน้มขยับเพิ่มขึ้น 14.5% ซึ่งคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่มาอยู่ที่ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุว่า ระดับหนี้ที่พุ่งขึ้นเป็นผลจากการกู้ยืมของบรรดาประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ อย่าง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน โดยปี 2021 รัฐบาลทั่วโลกมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 7.8% หรือราว 65.4 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ต้นทุนภาระหนี้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.01 ล้านล้านดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ยแท้จริงเพียง 1.6%
ด้าน เบธานี เพน ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนพันธบัตรโลกของเจนัส เฮนเดอร์สัน กล่าวว่า การระบาดใหญ่ของโรคโควิดส่งผลกระทบอย่างมากต่อการกู้ยืมของรัฐบาล และคาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง แต่โศกนาฏกรรมในยูเครนมีแนวโน้มกดดันรัฐบาลตะวันตกให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นเพื่อใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ
ยกตัวอย่างเช่น กรณีรัฐบาลเยอรมนี ที่มีการประกาศเพิ่มงบประมาณกลาโหมมากกว่า 2% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ถือเป็นการเปลี่ยนนโยบายอย่างรวดเร็วหลังรัสเซียรุกรานยูเครน
ทั้งนี้ ในบรรดาประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่พัฒนาแล้ว เยอรมนีมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดในแง่ของเปอร์เซ็นต์ โดยมีหนี้สินเพิ่มขึ้น 15% หรือเกือบ 2 เท่าของอัตราเฉลี่ยทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ทางด้านรายงานการกู้ยืมทั่วโลกฉบับล่าสุดจาก S&P Global Ratings เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (5 เมษายน) เผยว่า ระดับหนี้สาธารณะชุดใหม่ในปีนี้น่าจะทะลุ 10.4 ล้านล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนโควิดระบาดเกือบ 1 ใน 3
คาเรน วาร์ตาเพตอฟ นักวิเคราะห์สินเชื่อจาก S&P Global Ratings คาดการณ์ว่าการกู้ยืมยังคงสูง เนื่องจากความต้องการหมุนเวียนหนี้สูง เช่นเดียวกับความท้าทายในการปรับนโยบายการคลังให้เป็นปกติหลังวิกฤตโควิดระบาด ปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูง และความขัดแย้งทางสังคมและการเมืองแบบแบ่งขั้ว
อ้างอิง:
