ปี 2563 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นปีทองของหุ้นไอพีโอทั่วเอเชียก็ว่าได้ แต่ปี 2564 นี้ กูรูต่างพากันฟันธงว่า ตลาดไอพีโอจะร้อนแรงกว่าเดิม หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในเอเชียเตรียมขายหุ้นไอพีโอกันคึกคัก ซึ่งจะผลักดันให้เม็ดเงินระดมทุนจากการขายหุ้นไอพีโอในภูมิภาคนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
โดยปี 2563 เป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับตลาดไอพีโอของเอเชีย ซึ่งเริ่มต้นปีด้วยความซบเซา อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาพคล่องกลับมาท่วมท้นผนวกกับอัตราดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก นักลงทุนเริ่มไล่ล่าผลตอบแทน (Search for Yield) ตลาดหุ้นทั่วโลกก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง และส่งผลให้มีหุ้นเข้ามาเสนอขายและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก ทำให้เงินระดมทุนจากการขายหุ้นไอพีโอในภูมิภาคนี้สูงถึง 1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดในรอบ 10 ปี
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รวบรวมดีลหุ้นไอพีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น หุ้นเทคฯ จากจีน, หุ้นเกมจากเกาหลี, หุ้นโลจิสติกส์ รวมถึงหุ้นเครื่องดื่มจาก ThaiBev ดังนี้
- Kuaishou Technology
Tencent Holdings Ltd. ซึ่งโด่งดังจากแพลตฟอร์มที่นำเสนอคลิปสั้นๆ จากประเทศจีน และเริ่มขยายฐานมาสู่การสตรีมมิงแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ TikTok ได้ยื่นไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้นไอพีโอและเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเป็นที่คาดการณ์กันว่า จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในต้นปี 2564
ภายหลังการขายหุ้นไอพีโอ บริษัทอาจถูกประเมินมูลค่าสุทธิสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับเงินระดมทุนจากการขายหุ้นไอพีโอ จำนวนสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจขึ้นแท่นดีลไอพีโอที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีของปักกิ่ง
- ByteDance
บริษัทวิดีโอยักษ์ใหญ่ของจีนกำลังพิจารณายื่นไฟลิ่งเพื่อนำบางธุรกิจ รวมถึง Douyin ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน TikTok เวอร์ชันภายในประเทศ และบริการข่าว Toutiao เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่เคยระดมทุนจากนักลงทุนภาคธุรกิจไปแล้ว และได้มูลค่าระดมทุนถึง 1.8 แสนล้านดอลลาร์
โดยดีลนี้ได้รับความสนใจและเฝ้าติดตามจากวาณิชธนากรหลายราย เนื่องจากโปรไฟล์บริษัทที่ค่อนข้างดี และขนาดธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาตลอดปี 2563 จากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์
- Krafton Inc.
บริษัทจากเกาหลีใต้ผู้อยู่เบื้องหลังเกมมือถือสุดฮิตอย่าง PlayerUnknown’s Battlegrounds กำลังวางแผนเสนอขายหุ้นไอพีโอ ซึ่งอาจจะเป็นดีลใหญ่สุดของประเทศก็ว่าได้ โดนมีการคาดการณ์กันว่า มูลค่าระดมทุนจะสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- JD Logistics
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ บริษัทในเครือ JD.com ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน กำลังพิจารณาการเสนอขายหุ้น IPO และถูกประเมินว่าจะได้รับเงินระดมทุนอย่างน้อย 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทอยู่ระหว่างหารือกับที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าวว่า JD Logistics มีแนวโน้มที่จะเลือกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง แต่ก็ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
- FWD Group
บริษัทประกันในเอเชียในอาณาจักรของมหาเศรษฐีอย่าง Richard Li กำลังวางแผนการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้มากถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าระดมทุนสูงสุดของธุรกิจประกันในเอเชียนับตั้งแต่ปี 2015
- Wahaha
Hangzhou Wahaha Group Co. ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของจีน กำลังรวบรวมการเสนอขายหุ้น IPO ที่สามารถระดมทุนได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เบื้องต้นมีรายงานว่าบริษัทจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ยังไม่ได้สรุปในขั้นสุดท้าย ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ของ Wahaha มีตั้งแต่น้ำดื่มบรรจุขวด เครื่องดื่ม โยเกิร์ต และน้ำผลไม้ ไปตลอดจนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- Autohome
Autohome Inc. เป็นเว็บไซต์ขายรถยนต์ออนไลน์ของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก กำลังวางแผนขายหุ้นไอพีโอและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Secondary Listing) ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินระดมทุนประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ Autohome Inc. เป็นหนึ่งในบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงอีกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และเพื่อขยายฐานนักลงทุน
- ThaiBev
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กำลังวางแผนที่จะเสนอขายหุ้น IPO ธุรกิจโรงเบียร์ ด้วยมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งจะผลักดันมูลค่าธุรกิจขึ้นแตะระดับหมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ตามแผนเดิมนั้น บริษัทจะเสนอขายหุ้นไอพีโอในปี 2563 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทเลื่อนแผนการจดทะเบียนเป็นปี 2564 แทน
สำหรับตลาดหุ้นไทยในปี 2564 ก็มีไอพีโอใหญ่คึกคักเช่นกัน โดยมีทั้ง OR, NTL และ DMT ที่เตรียมขายหุ้นไอพีโอ และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET)
โดย บมจ.บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่ ยื่นไฟลิ่งเพื่อเข้าจดทะเบียนใน SET
บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 3,000 ล้านหุ้น (พาร์ 10 บาทต่อหุ้น) คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO ประกอบด้วย
- จำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 2,610 ล้านหุ้น
- จัดสรรหุ้นสามัญส่วนเกิน 390 ล้านหุ้น
บมจ. ทางยกระดับดอนเมือง หรือ DMT ผู้บริหารโครงการสัมปทานทางยกระดับดอนเมืองช่วงดินแดงจนถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ระยะทางประมาณ 21.9 กิโลเมตร ยื่นไฟลิ่งเพื่อเข้าจดทะเบียนใน SET โดยเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 140 ล้านหุ้น (พาร์ 5.20 บาท) คิดเป็น 11.85% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทหลัง IPO
ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บมจ. เงินติดล้อ หรือ NTL ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าของธนาคาร และ Siam Asia Credit Access Pte Ltd (SACA) ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์
NTL จะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 1,043.54 ล้านหุ้น (พาร์ 3.70 บาท) ประกอบด้วย จำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่เสนอขายโดยเงินติดล้อ ไม่เกิน 210.81 ล้านหุ้น และ หุ้นสามัญเดิมที่อาจเสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม ไม่เกิน 832.72 ล้านหุ้น ซึ่งแบ่งเป็น 1. หุ้นของ BAY ไม่เกิน 284.14 ล้านหุ้น 2. หุ้นของ SACA ไม่เกิน 412.46 ล้านหุ้น และ 3. หุ้นสามัญเดิมที่ผู้จัดสรรหุ้นส่วนเกินอาจขอยืมจาก BAY และ SACA รวมกันไม่เกิน 136.11 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายทั้งหมดใน IPO เพื่อรองรับกรณีที่ต้องมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
