ธอส. ทุ่มงบยกระดับบริการดิจิทัลผ่าน 3 Module ช่วยลูกค้ากู้บ้านผ่านแอปได้แบบ End to End Process พร้อมนำระบบ Data Analytic ช่วยประเมินราคาที่อยู่อาศัย รู้ผลไม่เกิน 3-7 วัน เตรียมเปิดตัวแอปใหม่ GHB ALL GEN 26 ตุลาคมนี้
ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในขณะนี้มีหลายปัจจัยที่กำลังเป็นแรงกดดัน ทั้งสถานการณ์ของโควิดที่เริ่มคลี่คลาย ธนาคารพาณิชย์เริ่มกลับเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ที่อยู่อาศัยมีราคาสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการลงทุนก่อสร้าง ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และกำลังซื้อของประชาชนที่แม้จะเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่เท่ากับการปรับขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยและอัตราดอกเบี้ย โดยภายใต้แรงกดดันดังกล่าว ธอส. ต้องบริหารจัดการให้ตัวเองมีกำไรตามเป้าหมายตัวชี้วัดที่ 13,400 ล้านบาท เพื่อนำ 45% ของกำไรส่งเป็นรายได้ให้กับกระทรวงการคลังนำไปใช้จ่ายเป็นงบประมาณแผ่นดิน
ฉัตรชัยระบุว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายใต้ปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ธอส. ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ธนาคารสามารถลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยล่าสุด คณะกรรมการธนาคาร ได้มีมติเห็นชอบให้ ธอส. ลงทุนพัฒนาทางด้านระบบเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลใหม่ๆ ด้วยงบประมาณลงทุนรวมไม่เกิน 400 ล้านบาท โดยใช้ชื่อว่า End to End Process หรือการให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายผ่านบริการด้านดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและลดต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารได้ไปพร้อมกัน
โดยมี 3 Module หลักประกอบด้วย 1. ด้านสินเชื่อ 2. ด้านการบริหารจัดการทรัพย์ด้อยคุณภาพ และ 3. ด้าน Funding ดังนี้
Module ด้านสินเชื่อ
ลูกค้าสามารถรู้จักและเข้าถึง ธอส. ได้ด้วยแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันใหม่ที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นมาด้วยงบลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้งานแทนแอปพลิเคชัน GHB ALL เดิมที่ปัจจุบันมีลูกค้าสมัครและใช้บริการอยู่มากกว่า 1 ล้านคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นและรองรับลูกค้าของ ธอส. ได้ทุกเจเนอเรชัน
โดยปัจจุบันการพัฒนาบริการเฟสที่ 1 ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มเปิดให้พนักงานของธนาคารดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2565 ก่อนที่จะเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดใช้งานเฟสที่ 1 ได้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 และเมื่อ GHB ALL GEN พัฒนาได้สมบูรณ์ทุกบริการแล้ว จะทำให้ลูกค้าเข้าถึง ธอส. ได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยสามารถปรึกษากับพนักงานสินเชื่อ Digital LO(Loan Officer) ได้เสมือนเดินทางไปที่สาขา โดยธนาคารจะถ่ายโอนลูกค้าให้ย้ายแอปพลิเคชัน GHB ALL ไปสู่ GHB ALL GEN ให้ได้ทั้งหมดจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ซึ่งในขณะนั้นบริการต่างๆ ใน GHB ALL GEN จะให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ ธนาคารจะมีการนำ Data Analytic ทางด้านการประเมินราคาที่อยู่อาศัยมาพัฒนาระบบ Digital Appraisal ทำให้ลูกค้าทราบราคาประเมินบ้านเบื้องต้นได้ทันทีในขณะยื่นกู้กับเจ้าหน้าที่ โดยราคาจะเบี่ยงเบนจากราคาหลังเจ้าหน้าที่เข้าประเมินจริงไม่เกิน 8% จากเดิมต้องรอให้เจ้าหน้าที่ลงสำรวจที่อยู่อาศัยจริงซึ่งจะทำให้ผู้กู้ทราบราคาประเมินอย่างเป็นทางการได้ในระยะเวลา 3-7 วันหลังยื่นเอกสารคำขอกู้
เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีการแจ้งเตือนผลการพิจารณาผ่าน Notification ของ GHB Buddy บนแอปพลิเคชัน LINE โดยกระบวนการแบบดิจิทัลข้างต้น กรณีที่ลูกค้ามีเอกสารประกอบการยื่นกู้ให้กับเจ้าหน้าที่ได้ครบถ้วน ไม่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่ออื่นๆ ที่ไม่ปกติ เป็นต้น คาดว่าลูกค้าจะสามารถทราบผลการพิจารณาได้โดยใช้เวลาเพียง 3 วันทำการ และลูกค้ายังสามารถเซ็นสัญญาเงินกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการลงนามรูปแบบกระดาษได้ด้วย E-Contract ซึ่งธนาคารจะโอนเงินกู้ค่าซื้อที่อยู่อาศัยเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ Developer แทนการจัดทำแคชเชียร์เช็ค ทำให้ผู้ขายไม่ต้องเสียเวลาและลดขั้นตอนนำแคชเชียร์เช็คที่ได้รับจากผู้ซื้อไปขึ้นเงินเหมือนที่ผ่านมา
โดยหลังจากลูกค้าทำนิติกรรมการโอนและจดจำนองที่กรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าสามารถรับโฉนดที่ดินฉบับจริงกลับบ้านได้ทันที ด้วยโครงการจัดเก็บ Electronic File แทนเอกสารสิทธิ์ต้นฉบับ (ไม่เก็บโฉนด) โดยธนาคารจะจัดเก็บโฉนดในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์แทนการจัดเก็บเอกสารฉบับจริง ทำให้ลูกค้าจะได้รับโฉนดฉบับจริงกลับบ้านในวันทำนิติกรรมได้ทันที และเมื่อได้เป็นลูกค้าของ ธอส. แล้วก็จะสามารถผ่อนชำระเงินกู้ผ่าน GHB ALL GEN ได้ทันทีโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา
Module ด้านการบริหารจัดการทรัพย์ด้อยคุณภาพ
ปัจจุบันธนาคารได้พัฒนาแอปพลิเคชัน GHB ALL BFRIEND เพื่อให้บริการลูกค้าที่ประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านให้ได้รับทางเลือกและเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เหมาะสมกับปัญหา ให้บริการทั้งในด้านการตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินกู้ เช่น เงินงวดที่ต้องผ่อนชำระตามเงื่อนไขของมาตรการ การยื่นคำร้องประนอมหนี้ และยื่นคำร้องฝากขายทรัพย์ โดยเริ่มเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2565
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชัน GHB ALL HOME ให้มีครบทุกความต้องการ เรื่องบ้านมือสอง ธอส. ที่พัฒนาต่อยอดจาก Application GH Bank Smart NPA สามารถให้บริการได้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค้นหารายการทรัพย์ และแสดงรายละเอียดข้อมูลบ้านมือสองของธนาคาร รวมถึงการยื่นคำร้องขอดูสภาพของที่อยู่อาศัยในสถานที่จริง การจองซื้อบ้าน การประมูลออนไลน์ พร้อมเพิ่มบริการชำระเงินมัดจำ เงินดาวน์ รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการซื้อทรัพย์ของธนาคาร อีกทั้งลูกค้าสามารถยื่นคำร้องต่างๆ ผ่านแอปนี้ ได้อีกด้วย และมีกำหนดเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2565
นอกจากนี้ ธอส. ยังได้เริ่มจัดทำโครงการรีโนเวตบ้านมือสองของ ธอส. ก่อนนำออกจำหน่าย ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของธนาคาร เนื่องจากการนำบ้านเก่ามารีโนเวตกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะบ้านมือสองมีราคาที่ถูกกว่าบ้านใหม่ และอยู่ในทำเลที่ตั้งเหมาะสม ธอส. จึงคัดเลือกทรัพย์ทำเลดี ที่ตั้งเหมาะสม นำไปรีโนเวตทรัพย์ใหม่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน ธอส. ได้แบ่งทรัพย์ออกเป็น 7 เกรด
โดยในปี 2565 จะเริ่มดำเนินการรีโนเวตจำนวนรวม 10 หลัง เริ่มนำออกจำหน่ายตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวนทรัพย์ 3 รายการ ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 หลัง และที่ดินเปล่า 1 แปลง ซึ่งการขายบ้านมือสองของธนาคารไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรจากการขายเป็นหลัก แต่ต้องการลดจำนวนการถือครองบ้านมือสองของธนาคาร เพื่อลดการกันสำรองของธนาคารให้ลดลง
Module ด้าน Funding
ปัจจุบัน ธอส. มีการระดมทุนผ่านหลายช่องทาง ทั้งเงินฝากแบบปกติที่มีสมุดบัญชี เงินฝากแบบอิเล็กทรอนิกส์ สลากออมทรัพย์ พันธบัตร อนุพันธ์ (Derivatives) ซึ่งต้องดำเนินการภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่นเดียวกับการจัดทำสลากออมทรัพย์ ธอส. ที่มีความแตกต่างจากสลากของสถาบันการเงินอื่นในตลาด โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 จะมีการออกสลากออมทรัพย์ชุดใหม่ คือชุดวิมานเมฆ Plus มารองรับการครบกำหนดไถ่ถอนของสลากออมทรัพย์ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท กรอบวงเงินรวม 2.7 หมื่นล้านบาท รวมถึงสลากชุดใหม่ประเภทอื่นที่รองรับลูกค้าใหม่ควบคู่กันกับลูกค้าเดิม
“ผลการดำเนินงานในปัจจุบันของ ธอส. ที่ยังคงมีความแข็งแรง โดยคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2565 ได้ถึง 3 แสนล้านบาท ขณะนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ถึง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยอยู่ที่ 6.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 4.41% ของสินเชื่อรวม 1.6 ล้านล้านบาท” ฉัตรชัยระบุ