กมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานตลอด 11 เดือนแรกของปี 2568 โดยระบุว่า ธอส. เดินหน้าสานต่อพันธกิจ ‘ทำให้คนไทยมีบ้าน’ มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นกลไกหลักของรัฐบาลในการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์
โดย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 215,130 ล้านบาท รวมจำนวน 200,848 บัญชี คิดเป็น 89% ของเป้าหมายทั้งปี 2568 ที่ตั้งไว้ 241,780 ล้านบาท
แบ่งเป็นสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท จำนวน 112,143 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.9%
โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา (28 ธันวาคม 2566 – 30 พฤศจิกายน 2568) ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ทำให้คนไทยมีบ้านเพิ่มขึ้น 392,000 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกว่า 460,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กมลภพระบุว่า จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ทั้งประเทศ 9 เดือนแรกปี 2568 หดตัว 6.6% YoY แต่ ธอส. ยังคงปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ได้ 15.6% และครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 43.7% สูงสุดในรอบ 20 ปี
สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ธนาคารได้สนับสนุน โครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดเงินงวดผ่อนชำระให้กับลูกค้าตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมมาตรการแล้วกว่า 115,000 บัญชี ซึ่งสามารถช่วยลูกค้ากลับมามีสถานะปกติและรักษาบ้านของตนเองไว้ได้กว่า 590,000 บัญชี
เร่งพัฒนาเทคโนโลยี ยกระดับบริการทางการเงิน
แม้ ธอส. จะเร่งปล่อยสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยให้ประชาชนมีบ้านมากขึ้น แต่กมลภพระบุว่า ธนาคารยังต้องเดินหน้าพัฒนากลไกด้านข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อรองรับการประเมินความสามารถในการกู้ยืมของผู้มีรายได้ไม่เป็นทางการ และให้การพิจารณาสินเชื่อมีความถูกต้องมากขึ้น ตามกรอบการกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
หนึ่งในโครงการที่ถูกหยิบมาใช้มากขึ้น คือ ‘ธอส. โรงเรียนการเงิน’ ผ่านแอป GHB ALL GEN ซึ่งเปิดให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ไม่มีเอกสารรายได้ สามารถออมเงินหรือเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 12 เดือน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาขอสินเชื่อ ทั้งยังมีการขยายความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในโครงการ บ้าน ธอส. โรงเรียนการเงิน X Developer เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อของผู้ซื้อบ้านรายย่อย
ในด้านเสถียรภาพระบบ ธอส. อยู่ระหว่างอัปเกรดฐานเทคโนโลยีหลายส่วน ทั้งระบบ Core Banking, ระบบตรวจจับธุรกรรมทุจริตแบบ Near Real Time และฐานข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดเวลาอนุมัติสินเชื่อและเพิ่มความแม่นยำของการประเมินราคาหลักประกัน โดยโครงการประเมินราคาแบบดิจิทัล (GHB Digital Appraisal) ถูกขยายให้ครอบคลุม 24 จังหวัดที่มีปริมาณสินเชื่อสูง
นอกจากนี้ ธนาคารยังกล่าวถึงทิศทางการพัฒนาในมิติ ESG โดยเน้นขยายสินเชื่อด้านที่อยู่อาศัยคาร์บอนต่ำและผลิตภัณฑ์เพื่อสังคม เช่น สินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุ และโครงการ ESG Loan ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับบทบาทให้สอดคล้องกับแนวโน้มความยั่งยืนในภาคการเงิน


