ในยุคการลงทุนที่ไม่ได้จำกัดแค่การลงทุนในประเทศ การแสวงหาโอกาสการลงทุนออกไปต่างประเทศก็เป็นโอกาสกระจายความเสี่ยงการลงทุน และเพิ่มโอกาสผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่อีกมุมก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็มีเครื่องมือ Dollar Wallet ที่จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยของนักลงทุน
รุ่งโรจน์ เสกสรรค์วิริยะ ผู้อำนวยการ Investment Product Selection ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ Morning Wealth อธิบายถึงกลยุทธ์ใหม่ในการลงทุนต่างประเทศผ่าน Dollar Wallet ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความกังวลเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และประหยัดต้นทุนที่อาจเกิดขึ้น
ความจำเป็นของนักลงทุนไทยในการลงทุนต่างประเทศ
รุ่งโรจน์ระบุว่า เศรษฐกิจประเทศไทยเติบโตช้ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่ม Emerging Market (EM) ดังนั้นจึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในต่างประเทศ โดยข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ประมาณ 3% ในขณะที่ประเทศไทยถูกคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 2% และอาจลดลงอีกในปีหน้า ประเทศไทยประสบปัญหาเชิงโครงสร้างมาตั้งแต่ปี 2020 หลังโควิด-19 ทำให้มีอัตราการขยายตัวที่ช้ากว่าประเทศอื่น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market: EM) และประเทศใหญ่ๆ ในเอเชีย
ขณะที่จากข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2020 พบว่า ผลตอบแทนของตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น S&P 500 หรือ MSCI World Index สูงกว่าดัชนี SET Index ของไทยอย่างชัดเจน ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศผ่านกองทุนรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและผลตอบแทนที่ดีกว่าในตลาดโลก
รู้จัก ‘Dollar Wallet’ คืออะไร-มีประโยชน์อย่างไร
ประเด็นจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ปัญหาหลักที่นักลงทุนไทยมักกังวลเมื่อลงทุนต่างประเทศคือ ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน โดยปกติแล้วการลงทุนผ่านกองทุนรวมในประเทศที่เป็นเงินบาท มักจะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 100% บางส่วน หรือไม่ป้องกันเลย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ความเสี่ยงยังคงอยู่ตราบใดที่นักลงทุนยังถือเงินบาท
รุ่งโรจน์แนะนำว่า หากนักลงทุนมี Dollar Wallet จะช่วยลดความกังวลเรื่องความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนให้หมดไป ซึ่งการถือเงินดอลลาร์โดยตรงทำให้นักลงทุนสามารถแสวงหาโอกาสการลงทุนในรูปเงินดอลลาร์ได้หลากหลายและกว้างขวางมากขึ้น และจากการศึกษาพบว่า หากถือเงินดอลลาร์ไว้เฉยๆ เป็นเวลา 5 ปี ค่าเงินบาทที่แกว่งตัวก็จะกลับมาที่เดิม ไม่ได้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนที่มองไม่เห็น
สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามคือ ‘ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน’ ในช่วงที่ต่างประเทศมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศไทยมาก ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Interest Differential) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงของเงินบาทสูงขึ้นตามไปด้วย โดยบางช่วงสูงถึงเกือบ 3% ต่อปี
รุ่งโรจน์ ยกตัวอย่างเช่น หากลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ 5 ปี และได้ผลตอบแทน 100% แต่มีการป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องทุกปี นักลงทุนอาจเสียต้นทุนสะสมถึง 10% ทำให้ผลตอบแทนที่ควรจะได้ 100% เหลือเพียง 90% เท่านั้น การมี Dollar Wallet จึงช่วยขจัดความกังวลนี้ และช่วยให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยในรูปสกุลเงินดอลลาร์ โดยไม่ต้องมีต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้
ทางเลือกใหม่การลงทุนผ่าน Dollar Wallet ในกองทุนรวมในประเทศ
ปัจจุบันมีแนวทางการลงทุนต่างประเทศหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นคือ “กล่องสีแดง” หรือ การลงทุนเป็นดอลลาร์ผ่านกองทุนรวมในประเทศไทย (Onshore Dollar Mutual Funds) แตกต่างจากเดิมที่นักลงทุนต้องนำเงินบาทไปแลกเป็นดอลลาร์ผ่านผู้จัดการกองทุน (ซึ่งอาจมีต้นทุน) หรือไปลงทุนตรงต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์ม (Direct Offshore Investment)
แนวทางใหม่นี้ นักลงทุนจะแลกเงินดอลลาร์เอง และส่งเงินดอลลาร์นั้นไปยังผู้จัดการกองทุนในประเทศไทย เพื่อนำไปลงทุนในต่างประเทศ ข้อดีคือ
- เลือกอัตราแลกเปลี่ยนได้เอง
- ประหยัดต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง
- ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อน
- ไม่เสียภาษีการลงทุนต่างประเทศ เพราะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมในประเทศ
SCB จึงนำเสนอกองทุน ‘SCB USDU’ กองทุนเปิดประตูสู่ Dollar Wallet ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างประเทศผ่านกองทุนรวมในประเทศที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์แล้ว โดยมี
1. กองทุนรวม Term Fund สกุลเงินดอลลาร์
2. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ (SCB USDU) – เป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนในรูปสกุลเงินดอลลาร์ โดยไม่มีการแปลงค่าเป็นเงินบาท กองทุนนี้ถือเป็นตัวเปิดสำหรับ Dollar Wallet โดยเป็นตราสารหนี้ที่สามารถซื้อขายได้ทุกวัน (Daily) และไถ่ถอนได้ทุกวัน (รับเงิน +4 วันทำการ) ลงทุนในสินทรัพย์ตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอันดับเครดิตสูง และให้ผลตอบแทน (Yield) ที่ดีเทียบเท่าในต่างประเทศ
ข้อได้เปรียบเหนือการฝาก FCD และ Direct Offshore Investment
รุ่งโรจน์ยังได้เปรียบเทียบ Dollar Wallet กับทางเลือกอื่นๆ ดังนี้
- เมื่อเทียบกับ FCD (บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ): การแลกเงินไปฝาก FCD อาจมีต้นทุนค่าใช้จ่ายและค่าโอนที่สูง แต่สำหรับ SCB USDU มีการยกเว้นค่าธรรมเนียม In-kind rate ค่าธรรมเนียม 0.25% ต่อครั้ง สำหรับการลงทุนนี้ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- เรื่องภาษี การลงทุนผ่านกองทุนรวม (Mutual Fund) ในประเทศไทย ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนตรงในต่างประเทศ (Offshore Investment) ที่อาจมีประเด็นเรื่องภาษีรายได้กับกรมสรรพากร ขึ้นอยู่กับนโยบายในปัจจุบัน การลงทุนผ่าน Dollar Wallet ในประเทศจึงมีความเข้าใจง่ายและใกล้ชิดกับนักลงทุนมากกว่า
ภาพ: Andrew Angelov / Shutterstock