ในช่วงเดือนไพรด์ที่ผ่านมา หลายๆ คนคงได้เห็นชื่อของศิลปินเควียร์ดาวรุ่งอย่าง Chappell Roan กันมากขึ้น เพราะเธอมีทั้งเพลงฮิต Good Luck, Babe! ที่ไวรัลไปทั่วทุกแพลตฟอร์ม สไตล์การแต่งตัวสุดจัดจ้านบนคอนเสิร์ตของเธอก็แสนจะสะดุดตา ส่วนเนื้อเพลงหรือทำนองต่างๆ ก็เอาใจแฟนเพลงยุคนี้อยู่หมัด และชาว Gen Z เองก็ถึงกับยกให้เธอเป็นเควียร์ป๊อปไอคอนคนใหม่เลยก็ว่าได้
ดังนั้นในโอกาสนี้เราจึงอยากจะชวนมาทำความรู้จักกับดาวรุ่งดวงใหม่คนนี้ และมาย้อนชมเส้นทางการเติบโตของเธอไปพร้อมๆ กัน
Chappell Roan ในปี 2017 ที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน
Chappell Roan มีชื่อจริงว่า Kayleigh Rose Amstutz แต่เธอเลือกใช้ชื่อในวงการว่า Chappell Roan โดยอ้างอิงจากคำว่า Chappell ในนามสกุลของคุณตาเพื่อระลึกถึงการจากไปของเขา ส่วนคำว่า Roan ก็มาจากเพลงโปรดของคุณตาอย่างเพลง The Strawberry Roan และในตอนนี้เธอเป็นศิลปินทำเพลงสไตล์ซินธ์ป๊อปยุค 80 ที่เน้นการใช้เสียงสังเคราะห์เพื่อสร้างซาวด์สุดล้ำและมีความสนุกสนาน ผนวกรวมกับดนตรีของเพลงป๊อปในต้นยุค 2000 ให้ออกมาเป็นผลงานแนวร่วมสมัยแต่ก็แฝงกลิ่นอายเรโทรที่สามารถเชิญชวนให้ผู้ฟังเข้ามาสู่โลกใบเล็กๆ ของเธอราวกับต้องมนตร์
ปัจจุบันนี้เธอแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการด้วยปรากฏการณ์ความฮิตของเพลง Good Luck, Babe! ที่เป็นกระแสไปทั่วทุกโซเชียลมีเดีย และยังมียอดสตรีมมิงสูงถึง 350 ล้านครั้งบน Spotify ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Chappell Roan ในปี 2023 ก่อนแสดงคอนเสิร์ต
“ฉันเกือบจะยอมแพ้ไปแล้ว ถ้าฉันไม่ได้ทำเพลงฉันคงจะกลับบ้านไปอยู่ในมุมติสท์ของตัวเองแล้วก็เป็นแดร็กควีน คือเหมือนว่าพอคุณเคยผ่านความยากจนมาแล้ว คุณก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว” – Chappell Roan กล่าวในบทสัมภาษณ์ของ Los Angeles Times
ณ เวลานี้เธออาจเป็นที่รู้จักอย่างล้นหลาม แต่ต้องย้อนกลับไปว่าเส้นทางการเป็นศิลปินของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถึงแม้เธอจะเคยเซ็นสัญญากับค่ายเพลง Atlantic Records เมื่อปี 2017 ในวัยเพียง 17 ปี แต่ด้วยกระแสตอบรับที่ไม่ค่อยดีนัก เธอก็จำต้องถอยมาเป็นศิลปินอิสระในปี 2020 และต้องทำงานอื่นๆ เพื่อหาเงินมาทำเพลงต่อไปอย่างการเป็นผู้ช่วยโปรดักชันหรือทำงานในร้านขายโดนัท
สุดท้ายแล้วคงไม่มีอะไรหยุดโชคชะตาความเป็นดาวรุ่งของ Chappell Roan เพราะในช่วงนั้นเธอก็ยังคงได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์มือทองของ Olivia Rodrigo อย่าง Dan Nigro และหลังจากนั้นเธอยังคงมีโอกาสไปโชว์คอนเสิร์ตในฐานะวงเปิดให้กับศิลปินหลายต่อหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Olivia Rodrigo เช่นเดียวกัน โดยเธอไปร่วมโชว์กับทั้ง 2 ทัวร์ ไม่ว่าจะเป็น Sour Tour และ GUTS World Tour จนสุดท้ายแล้วเธอก็ได้มีโอกาสทำอัลบั้มเดบิวต์แรกของตัวเองภายใต้ชื่อว่า The Rise and Fall of a Midwest Princess ร่วมกับ Dan Nigro อีกครั้ง และจากเวลานั้นมาถึงตอนนี้มันก็นำพามาสู่ปรากฏการณ์ความฮิตของเพลง Good Luck, Babe! นั่นเอง
Chappell Roan ที่เทศกาลดนตรี Boston Calling Music Festival ปี 2024
ยิ่งเธอไปแสดงงานเทศกาลดนตรี Coachella, Governors Ball หรืองาน Bonnaroo รวมทั้งปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง The Tonight Show Starring Jimmy Fallon หรือ The Late Show with Stephen Colbert ตลอดจนการออกทัวร์คอนเสิร์ต The Midwest Princess Tour ก็ยิ่งทำให้คนสตรีมมิงเพลงของเธอกันแบบถล่มทลาย
โดยทางเว็บไซต์ Billboard รายงานว่า ช่วงต้นปี 2024 ยอดสตรีมมิงเพลงของเธออยู่แค่ราวๆ 3 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ แต่หลังจากการปรากฏตัวในคอนเสิร์ตหลายๆ งาน รวมทั้งการปล่อยเพลง Good Luck, Babe! เมื่อเดือนเมษายน ก็ทำให้ยอดสตรีมมิงเพลงทั้งหมดของเธอสูงขึ้น 20 เท่าจนเป็นจำนวน 68.36 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงวันที่ 20 มิถุนายน นอกจากนี้ก็ยังมีศิลปินสาว Sabrina Carpenter ที่หยิบเพลงนี้มาคัฟเวอร์ใน Live Lounge ของ BBC Radio 1 และศิลปินระดับตำนาน Elton John ก็เอ่ยปากว่ารักผลงานของเธอเช่นกัน
ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จึงนับเป็นการเปิดประตูผู้ฟังให้ทำความรู้จักเธอและเพลง Good Luck, Babe! จนส่งให้ซิงเกิลนี้ติดชาร์ต Top 10 ของ Billboard Hot 100 ไปโดยปริยาย และในชาร์ตอัลบั้ม Billboard 200 อีกด้วย
“ฉันอยากสวยแต่ก็อยากดูน่ากลัวด้วย” นั่นคือสิ่งที่ Chappell Roan กล่าวในรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon เพราะนอกจากผลงานเพลงอันน่าประทับใจแล้ว Chappell Roan ยังมีสไตล์แฟชั่นที่โดดเด่นไม่แพ้กัน เธอมักจะปรากฏตัวด้วยลุคสุดตระการตาบนเวทีสำหรับการแสดงแต่ละโชว์ ซึ่งเธอก็เผยว่าลุคทั้งหมดนั้นมีแรงบันดาลใจจากทั้งวัฒนธรรมแดร็ก ภาพยนตร์สยองขวัญ ละครเวที ละครเบอร์เลสก์ (Burlesque)
ส่วนเมกอัพก็มาจากทั้งศิลปินชื่อดัง Boy George, สไตล์พังก์ยุค 80 แบบดีไซเนอร์ระดับตำนาน Vivienne Westwood ตลอดจนสไตล์การแต่งกายและแต่งหน้าอันไร้ข้อจำกัดเรื่องเพศของ David Bowie จากยุค 70 นอกจากนี้แล้วโชว์คอนเสิร์ตของเธอก็มักจะมีเหล่าแดร็กควีนมาร่วมแสดงเปิดเวทีอยู่เสมอ เพราะเธอมองว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถนำเสนอตัวตนที่เธอเป็นเควียร์ซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยสีสัน ในขณะเดียวกันมันก็ฉายภาพความสวยงามแต่ก็ดูมีความน่าพิศวงอย่างที่เธอต้องการได้ด้วยเช่นกัน
Chappell Roan ที่เทศกาลดนตรี Bonnaroo Music & Arts Festival ปี 2024
ด้วยผลงานเพลงป๊อปรูปแบบใหม่ที่ฟังแล้วติดหู คาแรกเตอร์ที่น่าจดจำ ประกอบกับน้ำเสียงอันน่าหลงใหลของเธอกลายเป็นสิ่งที่ทำให้โลกดนตรีและแฟชั่นจดจำชื่อของ ‘Chappell Roan’ ในฐานะศิลปินดาวรุ่งคนใหม่ที่น่าจับตามอง ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าปีหน้านี้เธอน่าจะมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขา Best New Artist ได้ไม่ยาก ซึ่งก็ต้องมารอติดตามชมกันต่อไปว่าก้าวต่อไปในวงการดนตรีของเธอจะไปได้ไกลขนาดไหน ไม่แน่ว่าเธออาจจะเป็นไอคอนแห่งยุคคนใหม่ก็เป็นได้
*หมายเหตุ: ตัวเลขของวันที่ 20 กรกฎาคม 2567
อ้างอิง:
