จะเรียกว่าเป็นหนังม้ามืดในฤดูการล่ารางวัลก็ว่าได้ สำหรับหนังสยองขวัญอย่าง Get Out ผลงานของ จอร์แดน พีล ที่รับหน้าที่เป็นทั้งคนเขียนบทและกำกับการแสดงเองอีกต่างหาก โดยเฉพาะบนเวทีออสการ์ปีนี้ที่ Get Out ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 4 รางวัลคือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (รับบทโดย แดเนียล คาลูยา ซึ่งเป็นผู้ชายผิวสีคนแรกที่เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหนังสยองขวัญ!)
Get Out เล่าเรื่องราวของคู่รักหนุ่มสาวระหว่างช่างภาพหนุ่มผิวดำอนาคตไกล คริส (รับบทโดย แดเนียล คาลูยา จากภาพยนตร์ Sicario) และสาวผิวขาว โรส (รับบทโดย อัลลิสัน วิลเลียมส์ จากซีรีส์ Girls) หลังจากคบหากันมาระยะหนึ่งก็ถึงเวลาที่โรสจะชวนคริสไปเยี่ยมพ่อแม่ของตนในวันหยุด หนังเหมือนจะปูไว้ว่านี่คือปัญหาเรื่องสีผิวที่ฝ่ายชายกลัวว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะรับไม่ได้กับความสัมพันธ์ แต่ก็มีการสับขาหลอก ใช้วิธีเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ และเชื่อมโยงไปเป็นหนังสยองขวัญได้อย่างชาญฉลาด
เมื่อคริสเดินทางไปถึงบ้านฝ่ายหญิงก็เริ่มพบความแปลกประหลาด เมื่อบ้านคนขาวว่าจ้างลูกจ้างผิวสีสองคนท่าทางราวกับซอมบี้ ครอบครัวของโรสก็ชวนให้ดูไม่น่าไว้วางใจ เมื่อแม่ของเธอเป็นนักบำบัดที่เชี่ยวชาญการสะกดจิต และคริสเองก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกินกว่าความคิดของเขาจะนึกไปถึง
ภาพยนตร์เรื่อง Get Out ใช้เวลาถ่ายทำเพียง 23 วัน และใช้ทุนสร้างไปเพียง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้จอร์แดนกลายเป็นนักเขียนและผู้กำกับแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่มีรายได้มากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก
ที่น่าจับตามองคือในงานประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 90 ในปีนี้ Get Out ถูกเสนอชื่อเข้าชิงถึง 4 รางวัล
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ต้องยอมรับว่าหนังสยองขวัญเรื่องนี้ใช้วิธีการเล่าที่แปลกใหม่ รวมทั้งพล็อตเรื่องที่ดี อารมณ์ของนักแสดงที่ซับซ้อน อีกทั้งงานโปรดักชัน องค์ประกอบภาพ และโทนสีสวยๆ ที่เลือกใช้ในการสื่ออารมณ์ อย่างช่วงที่มีความสุข เราจะได้เห็นสีที่รู้สึกอบอุ่น แต่เมื่อไรที่เข้าซีนอารมณ์ที่ซับซ้อน โทนสีก็จะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เราจึงรู้สึกลุ้นระทึกและมีอารมณ์ร่วมไปกับทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จุดที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าอินกับหนังโดยไม่รู้ตัวคือจุดจบสุดท้ายที่เราลุ้นระทึกจนลืมหายใจ
และไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเห็นหนังสยองขวัญได้เข้าชิงออสการ์ แต่ถ้าย้อนกลับไปดูข้อมูลงานประกาศรางวัลออสการ์จะพบว่ามีหนังสยองขวัญอยู่หลายเรื่องที่ได้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เช่น The Sixth Sense (2000), The Exorcist (1973), Jaws (1975), The Silence of the Lambs (1991) และ Black Swan (2010) ซึ่งไม่แน่ว่าปีนี้อาจจะเป็นอีกปีที่หนังสยองขวัญจะได้รับรางวัลออสการ์ก็เป็นได้
ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจอร์แดน พีล จึงทำหน้าที่กำกับภาพยนตร์ได้ดี เพราะว่าเขาเป็นคนเขียนเรื่องเองทั้งหมดตั้งแต่ต้น ฉะนั้นภาพที่อยู่ในหัวของเขาจึงถูกถ่ายทอดออกมาได้ครบถ้วนและเต็มที่ นักแสดงทุกคนส่งอารมณ์ถึงกันทุกซีน แม้กระทั่งซีนเล็กๆ ก็ยังดึงคนดูให้จดจ่อได้
แต่การที่นักแสดงคนหนึ่งจะผันตัวมาเป็นผู้กำกับ และสร้างหนังเรื่องแรกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จอร์แดน พีล ใช้เวลาหลายปีในการตามหานายทุนที่สนับสนุน ทั้งต้องต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมหลายอย่างจนได้เป็นผู้กำกับผิวสีคนที่ 5 ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากการประกาศรางวัลออสการ์มาแล้ว 90 ปี
จอร์แดนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ผมได้รับแรงบันดาลใจจากผู้กำกับผิวสีที่เคยเดินบนเส้นทางนี้มาก่อน ผมรู้ว่ามันเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจ และผมภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในฮอลลีวูด”
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
แดเนียล คาลูยา รับบท คริส เขาเล่นซีนอารมณ์ถึงทุกซีน ส่งอารมณ์ให้คนดูเข้าใจตามไปด้วยตลอด ทั้งท่าทางที่ดูประหม่า อารมณ์กลัวสุดขีด มาจนถึงจุดที่ต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอดก็ทำได้ดี นับว่าเป็นนักแสดงผิวสีอีกคนที่น่าจับตามองในปีนี้ เพราะฉากที่ดูเหมือนจะยากที่สุดอย่างช็อตที่น้ำตาไหล เขาเองแสดงเพียง 5 เทกเท่านั้น
แดเนียลเริ่มต้นงานแสดงในปี 2006 กับการรับบทเป็น รีซ ในภาพยนตร์เรื่อง Shoot the Messenger และในปี 2007 ได้รับเชิญมาร่วมแสดงในซีรีส์ Skins ที่ได้รับความนิยมในฝั่งอังกฤษ จากนั้นก็มีผลงานในวงการฮอลลีวูดอย่างต่อเนื่อง อย่างการรับบท แบล็กเดธ ใน Kick Ass 2 และก่อนจะแสดงเรื่อง Get Out แดเนียลยังได้ไปเล่นซีรีส์ให้กับ Netfilx เรื่อง Black Mirror ตอน Fifteen Million Merits ซึ่งเขาโชว์ความสามารถทางการแสดงได้ดีเยี่ยมในบท บิง ผู้ชายที่ติดอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ และต้องปั่นจักรยานเพื่อการดำรงชีวิต
สำหรับ Get Out แดเนียล คาลูยา กลายเป็นผู้ชายผิวสีคนแรกที่เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหนังสยองขวัญ
บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
จอร์แดน พีล ผู้กำกับ เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าพล็อตเรื่องนี้มาจากชีวิตจริงของเขาช่วงที่ต้องเดินทางไปพบพ่อแม่ของแฟน ซึ่งทำให้จอร์แดนเครียดมาก เพราะฝ่ายผู้หญิงไม่เคยบอกที่บ้านว่ามีแฟนเป็นผู้ชายผิวสี พอหยิบประสบการณ์เรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ เขาจึงเข้าใจความอึดอัดและกดดันของคนผิวสีที่ต้องอยู่ในชุมชนคนผิวขาว และถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้สมบูรณ์แบบ
จอร์แดนยังเล่าให้ฟังอีกว่าแรงบันดาลใจสำคัญของเขายังมาจากหนังเรื่อง Eddie Murphy: Delirious (1983) ของเอ็ดดี เมอร์ฟี และในหนัง Get Out เองก็เต็มไปด้วยฉากที่ได้รับอิทธิพลจากหนังสยองขวัญหลายเรื่องอย่าง Poltergeist (1982) และ The Amityville Horror (1979)
“ผมเขียนเรื่องนี้ก่อนที่จะพบกับภรรยา ตอนนั้นเป็นประสบการณ์ชีวิตช่วงที่ต้องไปบ้านพ่อแม่ของแฟนเป็นครั้งแรก ผมแทบจะประสาทกิน เพราะเธอไม่ยอมบอกพวกเขาว่าผมเป็นคนผิวสี ความกลัวในตอนนั้นมันเป็นเรื่องจริงมากๆ และผมยังไม่เคยเห็นความรู้สึกแบบนี้อยู่ในภาพยนตร์ยุคใหม่ หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดความจริงของผม ประสบการณ์ของผม และประสบการณ์ของคนผิวสีจำนวนมากที่ยังรู้สึกเป็นเหมือนคนกลุ่มน้อย”
ตัวอย่างภาพยนตร์ Get Out
PHOTO : www.imdb.com
อ้างอิง: