การเลือกตั้งทั่วไปครั้งประวัติศาสตร์ของเยอรมนีเพื่อหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทน อังเกลา แมร์เคิล ที่กำลังจะลงจากตำแหน่งหลังครองเก้าอี้มา 16 ปี ยังคงเป็นไปอย่างสูสี โดยผลเอ็กซิตโพลล่าสุดหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อวานนี้ (26 กันยายน) ชี้ว่าพรรคสังคมประชาธิปไตย (Social Democratic Party) หรือพรรค SPD ซึ่งมีจุดยืนกลางซ้าย มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 เกือบ 26% เบียดแซงพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนและพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CDU/CSU) ซึ่งเป็นกลุ่มพรรครัฐบาลของแมร์เคิลที่ได้คะแนนเสียงไป 24.5% ตามด้วยพรรค Greens ที่ได้ 14.4% พรรคเสรีประชาธิปไตย (FDP) 11.7% และพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) 10.7%.
โดยพรรค SPD และ CDU/CSU ต่างแสดงความเชื่อมั่นว่าพร้อมนำหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีโอกาสที่ผลเลือกตั้งจะเปลี่ยนแปลง เนื่องจากยังมีผลลงคะแนนทางไปรษณีย์อีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกนับ
ทั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่มีพรรคไหนสามารถครองเสียงข้างมาก ทำให้พรรคที่คว้าชัยชนะยังคงจำเป็นต้องมีการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าที่การตั้งรัฐบาลจะเสร็จสิ้น
ขณะที่คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรค SPD และ CDU/CSU ที่เรียกว่าเป็นรัฐบาลผสมใหญ่ หรือ Grand Coalition เช่นที่เคยเกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจเป็นไปได้ยากสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยแนวทางที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นไปได้คือการตั้งรัฐบาลผสมแบบ 3 พรรค ซึ่งนำโดยพรรค SPD หรือ CDU/CSU ร่วมกับพรรคเล็กอย่างพรรค Greens และ FDP
ด้าน โอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง และผู้นำพรรค SPD วัย 63 ปี ซึ่งเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีแทนแมร์เคิล ประกาศชัยชนะต่อกลุ่มผู้สนับสนุน ภายหลังทราบผลเอ็กซิตโพลว่าประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนได้ตัดสินใจให้พรรค SPD ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และเขาเชื่อมั่นว่าผู้ลงคะแนนต้องการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
“พลเมืองจำนวนมากวางไม้กางเขนไว้ข้าง SPD เพราะพวกเขาต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล และเพราะพวกเขาต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศนี้ถูกเรียกว่า โอลาฟ โชลซ์” เขากล่าว
ขณะที่ โชลซ์ ซึ่งรับตำแหน่งในรัฐบาลของแมร์เคิล หลังร่วมจัดตั้งรัฐบาลในปี 2018 ได้รับคำชื่นชมจากบทบาทและวิสัยทัศน์ในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อาร์มิน ลัสเชท (Armin Laschet) ผู้นำพรรค CDU และตัวแทนชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนแมร์เคิล ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของโชลซ์ แสดงท่าทีว่า CDU/CSU ยังคงไม่ยอมแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ และชี้ว่าไม่จำเป็นที่พรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ต้องได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสมอไป
“มันไม่เสมอไปที่พรรคชนะอันดับหนึ่งจะได้นายกรัฐมนตรี ผมต้องการรัฐบาลที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เป็นที่ที่ทุกคนถูกมองเห็น ไม่ใช่แค่รัฐบาลที่มีแต่นายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่จะได้แสงสว่าง” ลัสเชท กล่าวท่ามกลางความพยายามแสวงหาความร่วมมือจากพรรคเล็ก
ภาพ: Photo by Maja Hitij/Getty Images
อ้างอิง:
