วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน เป็นวันที่ เคราร์ด ปิเก้ กองหลังบาร์เซโลนา และอดีตนักเตะทีมชาติสเปนชุดแชมป์ยูโร 2012 และแชมป์โลกปี 2010 ได้อำลาสนามอย่างเป็นทางการ หลังเกมสุดท้ายที่บาร์เซโลนาเปิดบ้านสปอติฟาย คัมป์นู เอาชนะอัลเมเรียไป 2-0
กองหลังวัย 35 ปี ถูกเปลี่ยนออกในนาทีที่ 84 ก่อนจะเข้าสวมกอดกับเพื่อนร่วมทีม และ ชาบี เอร์นานเดซ กุนซือของทีมที่เคยเล่นร่วมกับปิเก้ ก่อนที่จบเกมเขาได้กล่าวอำลาทีมเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ
“เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น คุณจะค้นพบว่าบางครั้งความรักคือการปล่อยวาง ผมเชื่อว่าผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในอนาคต” ปิเก้กล่าวหลังจบเกม
“นี่เป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรักและแพสชันในการเล่นให้กับบาร์เซโลนา ผมคิดว่านี่เป็นเวลาที่เราต้องให้พื้นที่ห่างจากกัน
“ผมรักบาร์ซา และนั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่านี่คือเวลาเหมาะสมที่จะไป แต่ผมยืนยันว่านี่ไม่ใช่การบอกลา
“ผมออกจากสโมสรแห่งนี้ในวัย 17 ปี เพราะผมคิดว่าผมต้องการเวลาที่จะไปเติบโต ผมอยากจะบอกกับคุณทุกคน ทุกคนรู้ดีว่าผมเป็นสมาชิกของทีมนี้ตั้งแต่เกิด ผมเกิดที่นี่และผมจะตายที่นี่”
สำหรับวันสุดท้ายของปิเก้ในฐานะนักเตะของบาร์เซโลนา เขาเดินลงสนามมาในตำแหน่งกัปตันทีม พร้อมกับลูกๆ ของเขา ขณะที่เพื่อนร่วมทีมสวมใส่เสื้อที่มีหมายเลขและชื่อของเขา
ในขณะที่แฟนบอลบนอัฒจันทร์ได้ขึ้นป้ายที่เขียนว่า Sempr3 หรือที่แปลว่า ตลอดไป (For3ver) พร้อมกับหมายเลขเสื้อของปิเก้
ก่อนที่เกมจะจบลงพร้อมกับปิเก้ที่ถูกเพื่อนร่วมทีมอุ้มและโยนขึ้นฟ้า เพื่อร่วมอำลาตำนานของสโมสร
สำหรับปิเก้ ได้ประกาศอำลาสนามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังเหลือสัญญาอยู่กับสโมสรถึง 18 เดือน แต่การตัดสินใจอำลาได้ช่วยให้สโมสรบริหารจัดการบัญชีค่าเหนื่อยของนักเตะได้ดีขึ้น
ปิเก้ถือว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในยุโรป เขามีโอกาสได้เติบโตและเรียนรู้ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคที่มีปราการหลังที่แข็งแกร่งอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมันยา วิดิช และได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในอาชีพที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2007/08
ความสำเร็จของเขาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น เมื่อเขาย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลนา พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกาไปถึง 9 สมัย และแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีก 3 สมัย
ปิเก้กลายเป็นนักเตะที่ลงเล่นให้กับบาร์เซโลนามากที่สุดเป็นลำดับที่ 5 ตามหลังเพื่อนร่วมทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี (778) ชาบี เอร์นานเดซ (767) เซร์คิโอ บุสเกตส์ (694) และ อันเดรส อิเนียสตา (674)
กับทีมชาติเขาอยู่ในยุคที่ฟุตบอลสเปนครองโลกฟุตบอล ด้วยการจับคู่กับ การ์เลส ปูโยล พาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์โลกในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ และแชมป์ยูโร 2012
“เขาเป็นคนที่มีบุคลิกที่ยิ่งใหญ่ นักเตะที่เหมาะสำหรับเกมใหญ่เขาไม่เคยพลาด สโมสรใหญ่ต้องการนักเตะแบบนี้ นับเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับเขาในฐานะผู้จัดการทีม” เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตกุนซือของปิเก้ที่บาร์เซโลนากล่าวถึงเขา
อ้างอิง: