สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานอ้างอิงความเห็นของจอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินและนักลงทุนชั้นนำ ที่ออกโรงเตือนว่าจีนกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจของจริง เหตุเพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้
โดยโซรอสแสดงความเห็นระหว่างการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่สถาบันฮูเวอร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (31 มกราคม) ว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนอาจไม่สามารถพลิกฟื้นความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวได้สำเร็จ หลังจากที่บรรดาบริษัทนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนทยอยออกมายอมรับผิดนัดชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาที่ดินและอพาร์ตเมนต์ก็ปรับตัวลดลงอย่างมาก
ทั้งนี้ในมุมมองของโซรอส การเติบโตอย่างรวดเร็วของอสังหาริมทรัพย์จีนเป็นผลจากนโยบายกระตุ้นของรัฐบาลท้องถิ่นที่เชิญชวนให้ชาวจีนเก็บออมและลงทุนในที่ดิน ซึ่งถือเป็นโมเดลการเติบโตที่ไม่ยั่งยืน อีกทั้งเมื่อรัฐบาลส่วนกลางออกมาตรการควบคุมเพื่อเลี่ยงภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ กลับทำให้เกิดปัญหาตามมา เพราะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายต้องขาดสภาพคล่องจนมีปัญหาในการชำระหนี้ ไม่เว้นแม้แต่รายใหญ่อันดับต้นๆ ของตลาดอย่าง China Evergrande
แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลจีนได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเพื่อช่วยเหลือดูแลเรื่องการปรับโครงสร้าง แต่การที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น บวกกับการเจรจากับเจ้าหนี้ที่ยืดเยื้อออกไป จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงเรื่อยๆ จนยากที่จะฟื้นคืน และในที่สุดจีนจะหนีไม่พ้นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และเหล่าผู้คนที่เสียผลประโยชน์จะกลายเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในที่สุด
ทั้งนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โซรอสถือเป็นหนึ่งหัวหอกคนสำคัญที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเผ็ดร้อน โดยเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โซรอสได้วิพากษ์การตัดสินใจของ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์การลงทุนรายใหญ่ ว่าการเข้าไปทำธุรกิจในจีนมากขึ้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ ซึ่งในเวลานั้นมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลจีนกำลังเดินหน้าจัดระเบียบบริษัทเอกชน
วันเดียวกันทางสถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ทางการจีนได้กำหนดเขตทดลองใช้ระบบบล็อกเชนภายในประเทศขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้นรวมอยู่ด้วย โดยมีหน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัย ธนาคาร โรงพยาบาล บริษัทรถยนต์ และบริษัทพลังงานรวมกว่า 164 แห่ง ที่เข้าร่วมการทดสอบแอปพลิเคชันบล็อกเชนในครั้งนี้
นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามของจีน ภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่ต้องการให้ประเทศฉกฉวยโอกาสความก้าวหน้าจากเทคโนโลยีบล็อกเชน
อ้างอิง: