“ผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแว่นกันแดด แว่นตา หรือธุรกิจ”
คิมฮันกุก (Kim Hankook) ผู้ร่วมก่อตั้ง อายุ 37 ปี ของ Gentle Monster บอกไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเขาเองนั้นเป็นนักข่าวและครู
เขาเริ่มต้นเข้าสู่วงการแว่นตาก่อนแล้วค่อยมาขายแว่นกันแดดทีหลัง เขาบอกว่าในประเทศเกาหลีนั้นตลาดแว่นสายตาส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายซื้อ เพราะผู้หญิงไม่ค่อยนิยมใส่แว่น ถ้าไม่ใส่คอนแทคเลนส์ก็จะทำเลสิกไปเลย แต่ตลาดแว่นกันแดดนั้นลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ธุรกิจแว่นกันแดด Gentle Monster จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 2011 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ภายใน 1 ปีธุรกิจก็ขยายตัวได้ดีพอควร โดยมีรายได้ในปี 2012 อยู่ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ผมใส่พลังงานเข้ากับร้านของเรามากกว่าตัวแว่นอีก”
ถ้าธุรกิจที่เป็นร้านแบบ Brick & Mortar กำลังจะตาย คงไม่ได้มีใครบอกคิมฮันกุกแน่ๆ
ร้านของ Gentle Monster ตั้งแต่ที่โซล, ปูซาน, ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก, ฮ่องกง ไปจนถึงร้านที่กำลังจะเปิดใหม่ที่ลอนดอนในปีนี้ ทุกร้านดูเหมือน Art Gallery มากกว่าร้านขายแว่น
ในขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งไปออนไลน์ การมีร้านที่เป็น Physical Store เป็นของตัวเองคือหัวใจหลักของ Gentle Monster
ร้านที่ฮงแดนั้นออกแบบมาให้เลียนแบบการทำงานของปอด
ร้านที่เฉิงตูสะท้อนถึงชีวิตหลังวันสิ้นโลก
ร้านที่ฮ่องกงนั้นเอาโบกี้รถไฟมาเป็นแรงบันดาลใจ
ร้านที่ปักกิ่งได้แรงบันดาลใจจากการแปลความหมาย ‘กับดัก’
ร้านที่ลอสแอนเจลิสเหมือน Art Gallery ที่มีความเซนมากๆ โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก Theater District ของลอสแอนเจลิส
ร้านที่ปูซานเหมือนกับเขาวงกตลึกลับ เหมือนอยู่ในถ้ำมืดๆ
ร้านที่กวางโจวเล่าเรื่องผ่านนิทานพื้นบ้าน ที่วิญญาณผ่านกระบวนการชำระล้างจิตใจเพื่อกลายเป็นพระเจ้า
แน่นอนว่าร้านเหล่านี้สวยมาก และลงทุนมหาศาล
“เคล็ดลับของเราคือการโชว์แว่นจำนวนน้อยในที่ใหญ่ๆ”
เมื่อมีคนถามคิมว่า Chief Financial Officer (CFO) ของเขาว่าอย่างไรบ้างกับการลงทุนเยอะขนาดนี้ คิมตอบว่า “ผมไม่มี CFO” (เป็นคำตอบที่โหดมาก ถ้าไม่แน่จริงกรุณาอย่าเลียนแบบ) เขาพูดต่อว่า “การทำงานให้ได้เงินก็สำคัญ แต่ความสุขสำคัญสำหรับผมมากกว่า”
ความรู้สึกลักชัวรีนั้นเป็นแกนหลักของการทำงานของ Gentle Monster แต่ด้วยราคาที่คิดเป็นประมาณครึ่งเดียวของแบรนด์แพงๆ จากยุโรป Gentle Monster จึงได้รับความนิยมจากลูกค้ามาก (90% ของลูกค้าเป็นผู้หญิง)
ลูกค้าของ Gentle Monster ส่วนใหญ่กลับมาซื้ออีกปีละหลายๆ ครั้ง
คิมบอกว่า เขาเห็นการแข่งขันในช่วงราคาที่เขาขาย (200-300 เหรียญ) น้อยมาก และอีกอย่างทำให้ Gentle Monster ขายดีคือ ทรงแว่นที่ใหญ่กว่าแว่นแบรนด์จากยุโรป เพราะโครงหน้าของคนเอเชียนั้นมีความกลมมากกว่า
ทุกซีซันเขาจะออกแว่นประมาณ 30 แบบ และ 65% ของยอดขายมาจากแว่นคอลเล็กชันใหม่เหล่านี้ แว่นใหม่เหล่านี้ไม่มีการลดราคา แม้แต่กับพนักงานก็ไม่ลด
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา LVMH ยักษ์ใหญ่ของสินค้าลักชัวรีของโลกได้เข้ามาถือหุ้นประมาณ 10% ใน Gentle Monster ซึ่งคิมบอกว่าการได้ LVMH มาเป็นพาร์ตเนอร์ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะสำหรับเขา การหาโลเคชันที่ดีในเมืองใหญ่อย่างปารีสนั้นสำคัญต่อความสำเร็จของแบรนด์มาก และ LVMH ซึ่งมีอิทธพลสูงมากในวงการแฟชั่นจะสร้าง Synergy ที่ดีให้กับเขาอย่างแน่นอน
Gentle Monster กำลังเริ่มเข้าสู่ตลาดยุโรปด้วยการเปิดร้านที่ลอนดอนในปี 2018 และปารีสในปี 2019 ตามด้วยเปิดร้านเพิ่มอีกที่จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน และโตเกียว
หลังจากดำเนินกิจการมาได้ 5 ปี จากรายได้ 1 ล้านเหรียญในปี 2012 ปีนี้ทำยอดขายได้ 180 ล้านเหรียญ หรือโตขึ้นมา 180 เท่าใน 5 ปี!
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ถ้าจะทำอะไรต้องทำให้สุดครับ