ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัว 3.1% ส่งผลให้ทั้งปี 2562 GDP ประเทศไทยจะเติบโตราว 2.8% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.6-3.0%) ถือว่าชะลอลงจากปี 2561 ที่ GDP อยู่ที่ 4.1%
สาเหตุหลักมาจากปัจจัยอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัวลง ได้แก่ สงครามการค้า (Trade War) ทำให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก และปริมาณการค้าโลกชะลอตัว ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าปีนี้จะหดตัว 2.5% ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -2.7 ถึง -2.3% โดยผลกระทบที่สหรัฐฯ ประกาศจะตัดสิทธิ์ทางภาษี (GSP) สินค้าของไทยบางส่วนจะทำให้ผู้ส่งออกต้องเสียภาษีมากขึ้นราว 5% ถือว่ากระทบในวงจำกัด และทางกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตร ยังมีเวลา 6 เดือนเพื่อเจรจากับทางสหรัฐฯ ก่อนประกาศนี้จะเริ่มใช้
ทั้งนี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายของประชาชน ได้แก่
- โครงการชิมช้อปใช้ทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2
- มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- มาตรการบรรเทาค่าครองชีพสำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว
- โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน
- มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส.
- มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย
- มาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2562 จะอยู่ที่ 0.8% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.6-1.0%) ซึ่งปรับตัวลดลงจากปีก่อนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลง
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน หลังการขยายระยะเวลามาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VOA)
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตามองตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงปีหน้า ได้แก่ ความเสี่ยงปลายปีนี้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งสงครามการค้ายืดเยื้อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว Brexit ไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ออกประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่า GDP จะเติบโต 3.3% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.8-3.8% แรงผลักดันหลักมาจากการใช้จ่ายภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ ผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ในช่วงต้นปีหน้า รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในประเทศ
ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นจากปี 2563 ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยและปริมาณการค้าโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 จะอยู่ที่ 0.9% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.4-1.4% ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า