อิสราเอลและกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่ฉนวนกาซา ภายหลังการเจรจาสันติภาพที่มีอียิปต์เป็นตัวกลาง โดยมีผลบังคับใช้เริ่มตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ (21 พฤษภาคม) ถือเป็นการยุติการสู้รบยาวนาน 11 วัน
ซึ่งผลจากการโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงของอิสราเอล คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ในกาซาและพื้นที่ใกล้เคียงไปราว 232 คน รวมเด็ก 65 คน ขณะที่การยิงจรวดโจมตีข้ามชายแดนของฮามาสไปยังอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน รวมแรงงานไทย 2 คน
ภายหลังการหยุดยิง ทั้งอิสราเอลและฮามาสต่างออกมาประกาศชัยชนะในการสู้รบ โดยสำนักนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ออกแถลงการณ์ระบุว่า คณะรัฐมนตรีอิสราเอลตอบรับคำแนะนำของอียิปต์ในการหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข
ด้านกลุ่มฮามาสและกลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์อื่นๆ ในกาซา ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าการหยุดยิงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาสให้สัมภาษณ์สำนักข่าว AP ระบุว่าการหยุดยิงที่อิสราเอลเป็นฝ่ายประกาศนั้น เป็นชัยชนะของชาวปาเลสไตน์ และเป็นความพ่ายแพ้ของ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
ขณะที่ประชาชนในกาซาและดินแดนปาเลสไตน์หลายพันคน ต่างออกมาแสดงความดีใจและเฉลิมฉลองบนท้องถนน โดยมีการโบกธงและชูสองนิ้วเป็นสัญลักษณ์ตัว V ที่ย่อมาจาก Victory หรือชัยชนะ พร้อมทั้งตะโกนขอบคุณพระเจ้า ซึ่งมัสยิดบางแห่ง ประกาศข้อความผ่านเครื่องขยายเสียง ยืนยันชัยชนะในการต่อต้านอิสราเอล
เช่นเดียวกับในย่านชีคจาร์ราห์ ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเลมที่เป็นชนวนการสู้รบในครั้งนี้ จากกรณีการไล่ที่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ พบว่ามีชาวปาเลสไตน์หลายคนขับรถและบีบแตรไปตามถนน และชูธงแสดงความดีใจที่การสู้รบยุติลง
ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีการรายงานข่าวการหยุดยิงที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีประชาชนออกมาเฉลิมฉลองที่การสู้รบยุติลง
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังคงแสดงท่าทีพร้อมที่จะตอบโต้หากอีกฝ่ายมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยฮามาสเตือนว่ายังคงเตรียมพร้อมโจมตีและเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการใช้ความรุนแรงในเยรูซาเลม ขณะที่ทางการอียิปต์เผยว่าจะส่งผู้แทน 2 คนไปสังเกตการณ์การหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย
“เป็นความจริงที่การต่อสู้สิ้นสุดลงในวันนี้ แต่เนทันยาฮูและคนทั้งโลกควรรู้ว่ามือของเราอยู่ในไกปืน และเราจะยังคงขยายขีดความสามารถในการต่อต้านนี้ต่อไป” เอซซาท เอล-ราชิก สมาชิกอาวุโสของสำนักการเมืองฮามาสกล่าว และยืนยันข้อเรียกร้องของฮามาส ที่รวมถึงการคุ้มครองมัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเลม และยุติการไล่ที่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเลมตะวันออก
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงจากทำเนียบขาว ว่าได้ต่อสายตรงไปแสดงความชื่นชมต่อนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู หลังมีการประกาศหยุดยิง และกล่าวว่าการหยุดยิงที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งโอกาสอันแท้จริงในความก้าวหน้าของทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งยืนยันว่าสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอลอย่างเต็มที่
“สหรัฐฯ สนับสนุนสิทธิของอิสราเอลอย่างเต็มที่ ในการปกป้องตนเองจากการโจมตีด้วยจรวดตามอำเภอใจของกลุ่มฮามาสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในฉนวนกาซา ซึ่งคร่าชีวิตเหยื่อผู้บริสุทธิ์ในอิสราเอล” ไบเดน กล่าว พร้อมทั้งชื่นชมระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ Iron Dome ที่ทั้งสองชาติร่วมกันพัฒนาขึ้น ซึ่งสามารถสกัดกั้นจรวดของกลุ่มติดอาวุธ และป้องกันชีวิตชาวอิสราเอลจำนวนมาก
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังชื่นชมประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ ในการเป็นตัวกลางเจรจาให้เกิดการหยุดยิงดังกล่าว พร้อมทั้งส่งข้อความแสดงความเสียใจไปยังทุกครอบครัวทั้งชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปจากการสู้รบที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่ากำลังวางแผนการเดินทางไปเยือนตะวันออกกลางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อพบกับผู้แทนของอิสราเอล ปาเลสไตน์ และประเทศพันธมิตรในภูมิภาค โดยมีเป้าหมายในการหารือเรื่องความร่วมมือ และการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นของอิสราเอลและปาเลสไตน์
ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงท่าทีต่อการหยุดยิงดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ผู้นำอิสราเอลและปาเลสไตน์ใช้ความพยายามอย่างจริงจังในการแก้ไขต้นตอของปัญหาความขัดแย้ง
“ผมเน้นย้ำว่า ผู้นำอิสราเอลและปาเลสไตน์มีความรับผิดชอบนอกเหนือจากการฟื้นฟูความสงบ คือเริ่มการเจรจาอย่างจริงจังเพื่อหาสาเหตุของความขัดแย้ง” เขากล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการปรองดองอย่างแท้จริงหลังจากหยุดยิง
“ฉนวนกาซาเป็นส่วนสำคัญของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต และไม่ควรละเว้นความพยายามใดๆ ที่จะนำมาซึ่งการปรองดองในชาติอย่างแท้จริง ซึ่งจะยุติการแบ่งแยก”
ขณะที่ เจเรมี โบเวน บรรณาธิการด้านตะวันออกกลางของสำนักข่าว BBC วิเคราะห์ท่าทีจากการหยุดยิงของอิสราเอลและปาเลสไตน์ ว่าเป็นเหมือนกับสงครามอื่นๆ นับตั้งแต่ที่ฮามาสยึดครองกาซาในปี 2007 ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างอ้างชัยชนะของตนเอง ในขณะที่ชนวนความขัดแย้งแท้จริงยังไม่คลี่คลาย ซึ่งสิ่งที่เขามั่นใจคือ หากสถานะที่เป็นอยู่ของทั้งสองฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จะต้องมีสงครามเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ภาพ: Fatima Shbair / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: