สหรัฐอเมริกาใช้สิทธิวีโต้ คัดค้านมติเสียงส่วนใหญ่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ในขณะที่กองทัพอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮามาสในหลายพื้นที่ของกาซาอย่างต่อเนื่อง
การโหวตมติดังกล่าวมีขึ้นวานนี้ (8 ธันวาคม) ภายหลังอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ใช้มาตรา 99 ของกฎบัตรสหประชาชาติ เรียกประชุมฉุกเฉินในคณะมนตรีความมั่นคงฯ ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบในกาซาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นเพียงชาติเดียวจาก 15 ชาติสมาชิกที่วีโต้ ในขณะที่ 13 ชาติสมาชิกโหวตสนับสนุน ส่วนอังกฤษงดออกเสียง
ในการแถลงก่อนหน้านี้ กูเตอร์เรสเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในทันที พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฮามาสปล่อยตัวประกัน และยืนยันว่าการกระทำอันโหดร้ายของฮามาสไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลเพื่อลงโทษชาวปาเลสไตน์แบบเหมารวมได้
ขณะที่ ริยาด มันซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำ UN กล่าวต่อที่ประชุม UNSC ว่า การโหวตมติดังกล่าวหมายถึงชีวิตของชาวปาเลสไตน์นับล้านที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ด้าน โรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำ UN กล่าวชี้แจงเหตุผลต่อ UNSC ว่า “สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนการเรียกร้องการหยุดยิงที่ไม่ยั่งยืนของมตินี้ ซึ่งจะเป็นเพียงการเพาะเมล็ดพันธุ์สำหรับสงครามครั้งต่อไป”
ในขณะที่อิสราเอลปฏิเสธท่าทีของกูเตอร์เรส และกล่าวหาว่าเขาเป็น ‘ภัยคุกคามต่อสันติภาพโลก’ จากการสนับสนุนกลุ่มฮามาส โดยพยายามยุติการสู้รบในกาซา ก่อนที่ภารกิจทำลายล้างกลุ่มฮามาสจะสิ้นสุดลง
ที่ผ่านมาทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลต่างคัดค้านการหยุดยิงถาวร โดยมองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อฮามาส ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันสนับสนุนให้มีการหยุดยิงชั่วคราว เหมือนกับการหยุดยิง 7 วันก่อนหน้านี้ ซึ่งกลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวตัวประกันบางส่วน และมีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในกาซามากขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในกาซาแล้วมากกว่า 17,000 คน ในขณะที่กองทัพอิสราเอลยังคงขยายปฏิบัติการจู่โจมทั้งทางบกและทางอากาศไปยังพื้นที่ตอนใต้ของกาซา
โดย UN ชี้ว่า พื้นที่จำนวนมากในกาซาได้กลายเป็นดินแดนร้าง และประชากรกว่า 80% ต้องอพยพหนีการสู้รบ และกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำ ยา และความเสี่ยงจากโรคระบาดที่เพิ่มมากขึ้น
ภาพ: David Dee Delgado / Reuters
อ้างอิง: