ทฤษฎีสีชมพู GAP The series ครอบครัว ความมั่นคง และบทสรุปของรักแท้

*หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์*

เดินทางมาพร้อมกับเหล่าตัวละครและแฟนซีรีส์ทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนถึงเอพิโสดสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยกับ ทฤษฎีสีชมพู GAP The series ที่เรื่องราวความรักของม่อน (เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง) และคุณสาม (ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ) ในบทบาทของซีรีส์ครั้งนี้ได้จบลงอย่างงดงามและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

ตลอด 12 เอพิโสดของซีรีส์ เราจะเห็นได้ถึงพัฒนาการของเหล่านักแสดง รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนาของตัวละครอย่างคุณสามและม่อนอย่างต่อเนื่อง จากความไม่ค่อยลงรอยกันมากนักในด้านของฐานะและความเป็นไปได้ในรูปแบบความรักของ LGBTQIA+ ในสังคมไทยที่ทั้งคู่ต้องเจอ รวมไปถึงในปราการใหญ่ที่สุดอย่างเรื่องครอบครัว ที่ทั้งคู่โดยเฉพาะคุณสามต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้กับหม่อมย่า อีกหนึ่งตัวละครสำคัญในการพิสูจน์ความมั่นคงในความรักของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

ด้วยความยากที่จะเปิดใจของหม่อมย่าในเรื่องความรักรูปแบบหญิงรักหญิงที่หลานสาวของตัวเองกำลังต้องการแสดงออกมาให้เห็นถึงสิ่งที่เธอต้องการ รวมไปถึงความต้องการทำตามหัวใจของตัวเองสักครั้งของคุณสามในการเลือกคนรัก โดยไม่อยู่ในกรอบที่หม่อมย่าได้วาดไว้อีกต่อไป แม้จะต้องทำตัวเป็นกบฏต่อหม่อมย่าเพื่อแสดงความมั่นคงและจริงใจให้แก่ม่อน คนรักของเธอก็ตาม

“ถ้าตัวเล็กมีความสุขก็ทำหน้าเฉยๆ ไม่ต้องแสดงอาการอะไรออกมา การยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของคนแพ้ ถ้าไม่พอใจก็ต้องทำหน้าเฉยๆ เราอยากให้ตัวเล็กเป็นแบบนั้นนะ”

คำสอนจากคุณหนึ่ง พี่สาวคนโต อีกหนึ่งเหตุผลของการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางด้านลักษณะนิสัยในช่วงวัยผู้ใหญ่ของคุณสาม ที่ทำให้กลายเป็นคนยิ้มยาก ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก และยอมเชื่อฟังคำสั่งของหม่อมย่าทุกอย่างโดยไม่เคยแสดงอาการไม่พอใจใดๆ ออกมาผ่านทางสีหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธออยู่ในโลกใบสีเทาไร้สีสัน เป็นเพียงหลานรักของหม่อมย่าจากการที่เธอเป็นหลานเพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่ในกรอบและทำตามความต้องการของหม่อมย่าเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องราวความรักของคุณสามและม่อนที่ดูเหมือนกำลังราบรื่นกลับกลายเป็นรักต้องเลือกสำหรับคุณสาม ที่จะต้องตัดสินใจอย่างชัดเจนว่าจะเลือกทำตามคำขอของหม่อมย่าในการแต่งงานกับเกริก คู่หมั้นของเธอที่คุณย่าเห็นว่าเหมาะสม หรือการเลือกตัดขาดจากหม่อมย่า และเลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการอย่างการใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เธอรักอย่างม่อน

ความรักของทั้งคู่อาจจะเป็นเรื่องยากจากอุปสรรคมากมาย ทั้งครอบครัว สังคม และการตัดสินใจของพวกเธอ ที่ยากที่จะทำให้ความรักครั้งนี้เป็นไปได้ โดยม่อนเองก็เลือกตัดสินใจเดินทางไปทำงานต่อที่ประเทศอังกฤษหลังทราบข่าวคุณสามและเกริกกำลังจะแต่งงาน ด้วยความรักครอบครัว และไม่กล้าตัดสินใจอย่างหนักแน่นชัดเจนจากการที่เห็นหม่อมย่าต้องเข้าโรงพยาบาลจากการตัดสินใจของคุณสาม เธอจึงต้องยอมเสียคนที่รักมากที่สุดไป และตัดสินใจแต่งงานกับเกริกเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

ความเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องทำให้เป็นไปได้ในความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังคงพิสูจน์ให้เห็นได้จากรักแท้และความมั่นคงที่ทั้งคู่มีให้แก่กันอย่างไม่เคยลดลงแม้ทั้งคู่จะต้องแยกทางกันไปแล้ว ต่างยังคงไม่สามารถลืมหรือหมดรักให้แก่กันและกันได้ ซึ่งเกริกในฐานะของคู่หมั้นและคนที่รักคุณสามมาตลอดก็สังเกตเห็นเช่นกัน จึงเกิดเป็นการพูดคุยที่ต้องการให้หม่อมย่าได้ทบทวนเรื่องการแต่งงานของเขาอีกครั้ง ถึงแม้เกริกจะรักคุณสามมากเพียงใด แต่การที่เห็นเธอไม่มีความสุขแบบนี้เขาเองก็ทนไม่ได้เช่นกัน

“ย่าเห็นแก่ตัว สามทำเพื่อย่ามาตลอด ทำมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่สามควรใช้ชีวิตอย่างที่สามต้องการสักที”

คำพูดจากหม่อมย่าที่คุณสามเองไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากของผู้มีพระคุณคนนี้ที่คอยตามบงการชีวิตของเธอมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตครั้งนี้ ทำให้เธอเสียน้ำตา และเรียกรอยยิ้มจากความสุขอย่างแท้จริงของเธอออกมาได้อย่างน่าตื้นตันใจ จากการยอมเปิดใจและยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นได้อย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ของหม่อมย่า

“ตั้งแต่ไม่มีตัว เราไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่วินาทีเดียว และคนที่เราเลือกเป็นคนเดียวมาเสมอเลยก็คือตัว เรากลับมาแล้ว ต่อจากนี้เราก็รักกันได้แล้ว”

ความมั่นคงและความยั่งยืนที่หลายๆ คนอาจมองว่าความรักของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันนั้นอาจเป็นไปได้ยาก ซึ่งหากทั้งสองมีความมั่นคงและจับมือกันแน่นพอในการก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปด้วยกัน ความรักก็จะทำให้คนสองคนผ่านพ้นทุกๆ อย่างไปได้ โดยเฉพาะเรื่องเพศสภาพ จากที่ได้เห็นในความสัมพันธ์อันแสนงดงามครั้งนี้ของคุณสามและม่อน ที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ จนทำให้หม่อมย่ายอมรับได้ในที่สุด

ชนชั้น ฐานะทางสังคม การยอมรับของบุคคลอื่น และเพศสภาพ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปหากคนสองคนรักกันด้วยความจริงใจและมั่นคงต่อกัน เหมือนกับคุณสามและม่อนที่มีความรักให้แก่กัน เติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยม่อนเองก็ได้เข้ามาเปลี่ยนโลกสีเทาของคุณสามให้กลายเป็นสีชมพูและมีแต่ความสุขได้ จนทั้งคู่สามารถแต่งงานกันได้ในที่สุด แม้สังคมไทยจะยังไม่มีกฎหมายรองรับการแต่งงานกันอย่างถูกกฎหมายของกลุ่ม LGBTQIA+

ทฤษฎีสีชมพู GAP The series จึงเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันจากซีรีส์ที่สะท้อนให้ผู้ชมและคนในสังคมได้ลองมองย้อนดูในโลกของความเป็นจริงที่ในสังคมไทยอาจจะยังไม่ได้ให้การยอมรับและเปิดกว้างมากพอ และยังคงต้องรอการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อไปในอนาคต

ชม ทฤษฎีสีชมพู GAP The series EP.12 ได้ที่นี่