ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว โดยพิพากษาให้จำคุก บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อีกกระทงหนึ่งเป็นเวลา 6 ปี รวมจำคุกจำเลยเป็น 48 ปี จากเดิม 42 ปี ขณะที่จำเลยที่ 26 และจำเลยที่ 28 ถูกศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ปรับคนละ 25,000 บาท ปรับจำเลยที่ 22 ที่ 24 ที่ 25 และที่ 27 รายละ 25,000 บาท รายละเอียดอื่นๆ ปรากฏตามเอกสารข่าวศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สำหรับวันนี้ศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลา 11.20 น. กระทั่งมีคำพิพากษาออกมาล่าสุดรวมระยะเวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ 8 ชั่วโมง
โดยวันนี้ในช่วงเช้ามีการเบิกตัวบุญทรงจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เข้าฟังคำพิพากษาท่ามกลางนักการเมืองคนสนิท ญาติๆ รวมทั้ง เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุตรชายบุญทรงมาให้กำลังใจด้วย
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2562 ได้เห็นว่าการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ มีการทำสัญญาการขายข้าวแบบมีข้อพิรุธ เนื่องจากบริษัทเอกชนที่เป็นผู้แทนจากจีน ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน แต่เป็นเพียงรัฐวิสาหกิจ เหมือนเป็นพฤติกรรมปล่อยปละละเลย ซ่อนเร้น อำพรางปิดบังความจริงเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายข้าว เพื่อเอื้อประโยชน์เปิดช่องทางให้มีข้าวกลับมาหมุนเวียนขายในประเทศ ไม่ได้เป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ สร้างความเสียหายให้กับประเทศ 16,000 ล้านบาท
โดยศาลได้พิพากษาจำคุกบุญทรงเป็นระยะเวลา 42 ปี และสั่งจำคุก ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จำนวน 36 ปี มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 40 ปี อภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญ 48 ปี พร้อมพวกรวมทั้งหมด 28 คน กระทั่งวันนี้ชั้นอุทธรณ์พิพากษาให้เพิ่มโทษบุญทรงอีก 6 ปี
ภาพเปิด: บุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 วินาทีไร้อิสรภาพ เมื่อศาลฎีกาฯ ตัดสินให้ต้องจำคุก 42 ปีในหนแรก