การประชุม G20 ระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและพลังงานที่จังหวัดนากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น ปิดฉากลงเมื่อวันอาทิตย์ (16 มิ.ย.) โดยที่ประชุมเห็นพ้องในกรอบความร่วมมือระดับนานาชาติให้ช่วยกันรับมือกับปัญหาขยะพลาสติกในทะเล และส่งเสริมให้ใช้พลังงานทดแทนเพื่อแก้ปัญหามลพิษในอากาศ
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงคิวของรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ ทั้งประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ ได้มาประชุมหารือกันที่เมืองคารุอิซาวะ หลังรัฐมนตรีจากกระทรวงอื่นๆ ในกลุ่ม G20 ได้ทยอยประชุมไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผู้นำรัฐบาลประเทศต่างๆ จะเดินทางมาร่วมหารือในเวทีซัมมิตที่นครโอซาก้า ระหว่างวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้
โดยวาระสำคัญในที่ประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมกลุ่ม G20 คือการหามาตรการลดปริมาณขยะพลาสติกในท้องทะเล ซึ่งก็ได้คลอดแผนปฏิบัติการออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ถึงแม้จะไม่มีข้อผูกมัดในทางกฎหมาย แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของขยะปริมาณมาก จะเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวร่วมกัน
ในแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ชาติสมาชิก G20 แบ่งปันข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับนโยบาย แผนปฏิบัติ และมาตรการต่างๆ เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดขยะพลาสติกที่ถูกปล่อยลงสู่ท้องทะเล
นอกจากนี้ในกรอบข้อตกลงยังเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันในระดับนานาชาติในพื้นที่ต่างๆ ที่ธรรมชาติถูกทำลายจากขยะพลาสติก รวมถึงการร่วมมือกันใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาเทคโนโลยีและแนวทางบริหารจัดการของเสียและบำบัดน้ำเสียให้ดีขึ้น และคิดค้นหรือออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“แต่ละประเทศจะดำเนินมาตรการต่างๆ ตามความสมัครใจ และจะรายงานความคืบหน้าของกิจกรรมต่างๆ เป็นระยะ” ฮาราดะ โยชิอากิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น แถลงสรุปผลการประชุมกับสื่อมวลชนที่รอทำข่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่มีข้อตกลงที่ระบุเจาะจงว่าขยะในทะเลที่ต้องการลดนั้น เป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง (Single-use Plastics) กระนั้นฮาราดะยืนยันว่ารวมอยู่ในข้อตกลงด้วย โดยที่ประชุมเห็นพ้องว่าประเทศในกลุ่มจะวางเป้าหมายลดการผลิตสิ่งของที่ไม่จำเป็น
ส่วนประเด็นว่าชาติสมาชิกในกลุ่ม G20 มีระดับความมั่งคั่งและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างกัน จะส่งผลต่อระดับเป้าหมายในการลดขยะหรือไม่นั้น ฮาราดะกล่าวเสริมว่า ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ควรมีมาตรฐานและเป้าหมายเดียวกัน เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเลให้หมดไป
ส่วนที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานกลุ่ม G20 นั้น สืบเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระลอกใหม่ในตะวันออกกลาง จากชนวนเหตุที่เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำถูกโจมตีกลางอ่าวโอมาน ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ประเด็นความมั่นคงด้านพลังงานถูกบรรจุอยู่ในวาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ด้วย
โดยรัฐมนตรีพลังงาน G20 มีฉันทามติให้ชาติสมาชิกร่วมมือกันหาแนวทางเสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับห่วงโซ่อุปทานพลังงาน เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน
จะเห็นได้ว่าข่าวการโจมตีเรือขนส่งน้ำมัน ทำให้ตลาดเกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้งเบรนท์และเวสต์เท็กซัสพุ่งขึ้นกว่า 4% หลังเกิดเหตุ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า การโจมตีครั้งต่อๆ ไปอาจหนุนราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นไปอีก
“สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องแชร์ความเข้าใจในกลุ่มรัฐมนตรีด้านพลังงานว่าเราจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในมุมมองด้านความมั่นคงของพลังงาน” ฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ในฐานะประธานที่ประชุมระดับรัฐมนตรีด้านพลังงานกลุ่ม G20 กล่าวต่อสื่อมวลชน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะไฮโดรเจน ซึ่งบรรดารัฐมนตรีก็ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากไฮโดรเจนมากขึ้น
ส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้น ที่ประชุม G20 เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวแทนถ่านหินมากขึ้น เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเหลวทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าถ่านหิน
ทั้งนี้คาดว่าวาระการประชุมใหญ่ในเวทีซัมมิตของผู้นำ G20 ในช่วงปลายเดือนนี้จะมีทิศทางสอดคล้องกับการประชุม G20 ระดับรัฐมนตรีที่จัดขึ้นตลอดทั้งเดือนนี้ โดยประเด็นหลักจะครอบคลุมในเรื่องสงครามการค้า ไปจนถึงการแก้ปัญหาโลกร้อน และความมั่นคงทางพลังงาน โดยเราสามารถคาดคะเนได้ว่าแถลงการณ์ร่วมจากเวทีซัมมิตจะมีกรอบความร่วมมือตามทิศทางผลการประชุมของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ที่ปิดฉากไปก่อนหน้านี้ รวมถึงที่ประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
สำหรับชาติสมาชิกกลุ่ม G20 ประกอบด้วย อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, แอฟริกาใต้, เกาหลีใต้, ตุรกี, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (EU) โดยญี่ปุ่นดำรงตำแหน่งประธาน G20 ในปีนี้ และจะหมดวาระในเดือนพฤศจิกายนนี้
อ่านผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ได้ที่ thestandard.co/g20-finance-chiefs-warn-of-risks-from-trade-conflicts
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
