ผู้นำ 19 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ และสหภาพยุโรป เริ่มต้นการประชุมซัมมิต G20 ครั้งที่ 10 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) โดยวาระหลักการประชุมครอบคลุมตั้งแต่ประเด็นขัดแย้งทางการค้า การเมืองระหว่างประเทศ ความมั่นคง ไปจนถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี แห่งอาร์เจนตินา ในฐานะเจ้าภาพกล่าวว่า ทางออกของการแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ คือการพูดคุย พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อส่งสาสน์ที่ชัดเจนถึงจุดยืนต่อประเด็นปัญหาต่างๆ ร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมาหลายประเทศมีความแตกแยกในนโยบายการค้า การแก้ปัญหาโลกร้อน ตลอดจนท่าทีต่อกรณีการฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี นักข่าวอิสระชาวซาอุดีอาระเบีย และกรณีรัสเซียยึดเรือของยูเครนในบริเวณช่องแคบเคิร์ช
หนึ่งในไฮไลต์ที่ทั่วโลกจับตามองในการประชุมวันแรกก็คือ ภาษากายที่ผู้นำประเทศต่างๆ ถ่ายทอดออกมาในระหว่างพบปะสนทนากับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับการส่งคนไปปลิดชีพคาช็อกกีที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
หนึ่งในภาพเหตุการณ์ที่สื่อทั่วโลกหยิบยกมาเป็นประเด็นพูดถึงอย่างมากคือ การส่งยิ้มให้กัน และแปะมือทักทายระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กับเจ้าชายบิน ซัลมาน ก่อนที่ทั้งสองจะนั่งลงประชุม
สื่อซาอุดีอาระเบียรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้พบปะกับเจ้าชายบิน ซัลมาน ‘อย่างเป็นมิตร’ ด้วย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ปฏิเสธในภายหลังว่าเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกับพระองค์
นอกจากประเด็นการเสียชีวิตของคาช็อกกีแล้ว ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในคาบสมุทรไครเมียก็เป็นอีกหัวข้อในการหารือบนเวทีซัมมิตครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ยกเลิกการประชุมกับปูตินไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่พอใจกับพฤติการณ์ที่ ‘ก้าวร้าว’ ของรัสเซีย จากกรณีที่รัสเซียยึดเรือ 3 ลำ และควบคุมตัวลูกเรือของยูเครน โดยอ้างว่าเรือเหล่านี้ล่วงล้ำน่านน้ำอาณาเขตของรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย
สำหรับไฮไลต์สำคัญในค่ำคืนวันนี้ (1 ธ.ค.) คือการประชุมระดับทวิภาคีระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน ซึ่งถือเป็นการประชุมชี้ชะตาสงครามการค้าระหว่างสองยักษ์เศรษฐกิจ เพราะหากทั้งคู่ตกลงกันไม่ได้ ทรัมป์ประกาศว่า จะเดินหน้าขยายกรอบกำแพงภาษีกับสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากอัตรา 10% เป็น 25% ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า และอาจตั้งกำแพงภาษีเพิ่มกับสินค้าจีนอีก 267,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้สงครามการค้ายืดเยื้อต่อไปในปีหน้า
สำหรับ G20 ประกอบด้วยประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี แคนาดา ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา บราซิล เม็กซิโก เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ ตุรกี และสหภาพยุโรป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: