แบงก์ชาติแนะรัฐบาล G-Token ควรมีระบบและกระบวนการที่ดี มีความปลอดภัย มีกฎหมายรองรับ และคุ้มครองประชาชนให้เทียบเคียงได้กับพันธบัตรรัฐบาล ชี้ไม่อยากเห็น G-Token ถูกนำมาใช้ซื้อสินค้าและบริการ ด้าน ‘ธีระชัย’ ห่วง G-Token ผิดกฎหมาย
วันนี้ (14 พฤษภาคม) สักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 1/2025 โดยตอบคำถามกรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมออก ‘โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล’ (Government Token: G-Token) ว่า การออก G-Token มีลักษณะคล้ายกับการออกพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งถือเป็นเครื่องมือการระดมทุนสำคัญของภาครัฐ
เพราะฉะนั้น ความสำคัญของการออก G-Token จึงอยู่ที่การมีระบบและกระบวนการที่ดี มีความปลอดภัย มีกฎหมายรองรับ และควรคุ้มครองประชาชนได้เทียบเคียงได้กับพันธบัตรรัฐบาล
“สิ่งที่ ธปท. อยากเห็นคือการให้ความสำคัญกับระบบและกระบวนการที่ดี การทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ เพราะถ้าความมั่นใจลดลงอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อพันธบัตรรัฐบาลได้”
นอกจากนี้ สักกะภพ ยังกล่าวต่อว่า “ลักษณะการใช้ G-Token ควรเป็นเครื่องมือระดมทุน ‘เป็นสำคัญ’ โดย ธปท. ไม่อยากเห็นการนำมาใช้ในรูปแบบ ‘สื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ’ (Means of Payment)”
ธีระชัยห่วง G-Token ผิดกฎหมาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวในรายการ Morning Wealth ของ THE STANDARD WEALTH ว่า ห่วงว่าการออก G-Token จะผิดกฎหมาย เนื่องจากตาม แม้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ เปิดช่องให้รัฐบาลกู้เงินในรูปแบบสัญญา ตราสารหนี้ หรือวิธีการอื่นใดที่คณะรัฐมนตรีอนุญาต แต่ในความเห็นส่วนตัว มองว่า คำว่า ‘วิธีการอื่นใด’ โดนบังคับด้วยคำที่มาข้างหน้า คือต้องอยู่ในรูปแบบสัญญา หรือตราสารหนี้
“นอกจากนี้ ในกฎหมายฉบับนี้ยังมีนิยามเกี่ยวกับสัญญา หรือตราสารหนี้ต่างๆ แต่ถามว่ามีนิยามเกี่ยวกับโทเคนไหม คำตอบคือ ‘ไม่มี’ และพอไปดูนิยามของคำว่า ‘โทเคน’ ใน พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ก็พบว่าแปลว่า สัญลักษณ์ ไม่ใช่ตัวจริง สะท้อนว่า มีปัญหาคือ โทเคนจะกลายเป็นเงาของตราสารหนี้ที่รัฐบาลควรจะต้องออก”
ดังนั้น G-Token จึงอาจผิดกฎหมายเนื่องจาก พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ไม่ได้เปิดช่องตรงนี้ไว้ และวันหนึ่งหากมีข้อพิพาทเรื่องการใช้โทเคนนี้เป็นหลักประกันในการฟ้องร้องยึดทรัพย์ จึงมองว่า แนวทางดำเนินการนี้จึงยังไม่ชัดเจน ดังนั้น แนวทางที่จะให้ถูกกฎหมายคือ ควรแก้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ ให้ชัดเจนเสียก่อน