เมื่อวานนี้ (17 มิถุนายน) ราคาน้ำมันดิบโลกอย่าง WTI ปรับตัวลง 6.05% มาอยู่ที่ 110.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งไปแตะระดับ 123 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันเคยพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์อาวุโสของ OANDA กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงเป็นผลจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นต่อ ขณะที่รัสเซียเองก็ส่งสัญญาณว่าการส่งออกน้ำมันน่าจะเพิ่มขึ้น รวมไปถึงความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
“ทุกคนต่างมองว่าราคาน้ำมันมีโอกาสจะลดลงไปมากกว่านี้ สู่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อราคาน้ำมันลดลงไปถึงจุดนั้น ราคาน่าจะเริ่มนิ่งและซื้อขายอยู่ได้สูงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความเสี่ยงที่อาจจะมีการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม หรือความเสี่ยงจากฤดูเฮอริเคนที่อาจจะกระทบต่ออุปทาน”
ด้าน คริสติยาน มาเลก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์น้ำมันของ JPMorgan Global กล่าวว่า ส่วนตัวไม่คิดว่าแรงขายจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากเรากำลังเผชิญกับอุปทานที่ลดลง เช่น กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC นอกสหรัฐฯ และกลุ่ม OPEC ต่างลดการผลิตลง ปัจจัยพื้นฐานสำหรับน้ำมันยังคงเป็นบวก และเราแนะนำให้เข้าซื้อในช่วงที่ราคากำลังลดต่ำลงนี้
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 50% ทั้งจากการฟื้นตัวของอุปสงค์หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย และแรงกระตุ้นจากการที่รัสเซียตัดสินใจบุกยูเครน
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-16/oil-set-for-weekly-loss-as-traders-weigh-monetary-tightening?sref=CVqPBMVg
- https://www.reuters.com/business/energy/oil-edges-down-demand-concerns-weigh-heading-weekly-fall-2022-06-17/
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP