สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เผยเศรษฐกิจไทยเดือนพฤศจิกายน 2563 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หลังส่งออกติดลบน้อยลง รัฐออกมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน-ช้อปดีมีคืน-คนละครึ่ง หนุนใช้จ่ายเอกชน
วุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือนพฤศจิกายนมีสัญญาณปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จากการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐในช่วงปลายปี
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัว 2.5% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.4 จากระดับ 50.9 โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน
โดยการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้นมากเป็นผลจากการได้รับแรงส่งจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐในช่วงปลายปี เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนการบริโภคให้ปรับดีขึ้น
รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับดีขึ้น ทำให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น โดยเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัว 13.6% ต่อปี ส่งผลให้กำลังซื้อในภูมิภาคต่างๆ เริ่มปรับดีขึ้น
ด้านการส่งออกพบว่า ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การส่งออกติดลบ 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ รวมถึงถุงมือยาง เป็นต้น ส่วนการนำเข้าติดลบ 1% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 0.05 พันล้านดอลลาร์
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ -0.4% ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.2% ต่อปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2563 อยู่ที่ 49.5% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2563 อยู่ในระดับสูงที่ 253.5 พันล้านดอลลาร์
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
รายงาน: ภัทราภรณ์ เกียรตินันท์