วันนี้ (12 มิถุนายน) เอกราช อุดมอำนวย อดีตพนักงาน ITV ว่าที่ ส.ส. ดอนเมือง พรรคก้าวไกล โพสต์เอกสารกลางดึกของคืนวันที่ 11 มิถุนายน เป็นจดหมายเลิกจ้าง ลงวันที่ 8 มีนาคม 2550 ซึ่งปรากฏข้อความที่มีเนื้อหาระบุว่า ITV ไม่สามารถดำเนินกิจการและดำเนินธุรกิจสถานีโทรทัศน์ ITV ได้ตามกฎหมายอีกต่อไป โดยมีรายละเอียดระบุว่า ในฐานะอดีตคน ITV ผมสะเทือนใจ ITV ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองอีกครั้ง
ผมทำงานที่แรกก็ที่ ITV เริ่มต้นจากเป็นนักศึกษาฝึกงานโต๊ะผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ ITV เมื่อปี 2548 จากนั้นได้บรรจุเป็นพนักงานประจำของสถานีในตำแหน่งครีเอทีฟ รายการร้านชำยามเช้า จากนั้นในปี 2549 ตนเองได้ย้ายมาอยู่ที่ฝ่ายข่าว ITV รับผิดชอบโต๊ะข่าวสังคม รายการข่าวเที่ยงวัยทีน จนกระทั่งสถานีโทรทัศน์ ITV ถูกยกเลิกสัญญาสัมปทานในวันที่ 7 มีนาคม 2550 ในสมัยรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผมต้องตกงานเหมือนกับพนักงาน ITV นับพันคน
ก่อนที่ผมจะทำงานด้านสื่ออีกระยะ ไปประกอบธุรกิจส่วนตัว เคลื่อนทางการเมืองในฐานะคนอยากเลือกตั้ง และได้มาทำงานการเมืองกับพรรคก้าวไกล
แต่เมื่อผมได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส. เขตดอนเมือง ของพรรคก้าวไกล และจะทำหน้าที่เพื่อโหวตให้ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ประชาชนให้ความไว้วางใจเลือกผมมาทำหน้าที่นี้และพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 มากถึง 14 ล้านเสียง แต่กลับกลายเป็นว่า ประเด็นหุ้น ITV ของคุณพิธากลับถูกนำมาใช้ในทางการเมือง
ซึ่งผมไม่ได้ปฏิเสธการตรวจสอบตามสิทธิในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่ในฐานะอดีตคน ITV รู้สึกเจ็บปวดที่ครั้งหนึ่ง ITV เคยตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง จนกระทั่งต้องปิดตัวลงไป และครั้งนี้ การที่หุ้น ITV ซึ่งเคยเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ประชาชนและนักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้อย่างเปิดเผย มีผู้ถือหุ้นนับหมื่นราย และถูกพักการซื้อขาย รวมทั้งยุติการเป็นสถานีโทรทัศน์หรือทำธุรกิจสื่อ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีสมัย พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีมติให้ยกเลิกสัญญาสัมปทานเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 หรือกว่า 16 ปีแล้ว ส่วนหุ้นก็หยุดการซื้อขายมายาวนาน จนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในปี 2557
การดำเนินธุรกิจเป็นเพียงการต่อสู้คดีตามกฎหมายเท่านั้น มีรายได้จากดอกเบี้ยเงินต้นที่ ITV เคยประกอบกิจการเท่านั้น แต่ขณะนี้กลับมีความพยายามที่จะทำให้ส่งผลในทางที่ไม่เป็นคุณกับพิธา
นอกเหนือจากการตรวจสอบตามสิทธิและกฎหมาย มีการแก้ไขเอกสารต่างๆ เพื่อยังทำให้เห็นว่า ITV ยังทำธุรกิจสื่อ รวมทั้งมีการทำหนังสือไปยังศาลปกครองสูงสุดเพื่อเร่งรัดคดี ITV ให้ตัดสินภายในเดือนนี้ เพื่อให้มีผลบางอย่างทางกฎหมายกับคุณพิธาโดยตรง
ผมรู้สึกสะเทือนใจที่มีความพยายามทำให้ ITV ฟื้นคืนชีพเพื่อมีจุดประสงค์เป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกครั้ง เพื่อขัดขวางการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรและนายกรัฐมนตรีของพิธาที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
เอกราชระบุว่า ผมจึงอยากเรียกร้องในฐานะอดีตคน ITV ที่เคยประสบชะตากรรมต้องตกงานและเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2550 ขอให้หน่วยงานต่างๆ ให้ความเป็นธรรมกับพิธา และพิจารณาอย่างรอบคอบตามหลักของกฎหมายที่มีนิติรัฐและนิติธรรม เพราะมิใช่แค่อดีตคน ITV อย่างตนที่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เป็นการใช้กระบวนการกฎหมายมาทำลายความตั้งใจทำงานทางการเมืองของคุณพิธา และทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาที่ประชาชนได้เลือกตั้งให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกลและคุณพิธาอีกด้วย รวมทั้งจะทำให้ในวงการกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันตนก็ทำหน้าที่ในฐานะทนายความและนักกฎหมายคนหนึ่งว่า หลักนิติรัฐและนิติธรรมที่ควรจะเป็น และเป็นกรณีศึกษาอีกครั้งหรือไม่ และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ห้ามถือครองหุ้นสื่อ แท้ที่จริงเพื่อการป้องกันผลประโยชน์และส่วนได้เสียทางการเมือง หรือใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่า
อ้างอิง: