นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ (Onshore Equities) ผ่านกองทุนต่างๆ เทขายหุ้นจีนรวมมูลค่า 7.9 พันล้านหยวน หรือราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ ภายในช่วงสองสัปดาห์แรกของปี 2024 จากข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg
แรงเทขายเกิดขึ้นหลังจากเศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้หุ้นจีนร่วงลงไปซื้อ-ขายในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี และหากต่างชาติยังคงขายสุทธิในเดือนมกราคม จะเป็นการขายสุทธิ 6 เดือนติดต่อกัน
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของจีนที่ออกมาย่ำแย่คือ ตัวเลขการส่งออกที่ทรุดตัวลง 4.6% เป็นตัวเลขรายปีที่ติดลบครั้งแรกตั้งแต่ปี 2016 จากความต้องการและระดับราคาสินค้าทั่วโลกที่ชะลอตัวลง ประกอบกับความตึงเครียดทางภูมิเศรษฐกิจ นับเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของเศรษฐกิจจีนที่กำลังได้รับผลกระทบ
ในปี 2023 ยอดส่งออกจีนมีมูลค่าทั้งสิ้น 3.38 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 4.6% จากสถิติในปีก่อนหน้า หลังจากที่การส่งออกเคยเพิ่มขึ้นจากช่วงโรคระบาดโควิด-19 โดยผู้คนยกระดับการใช้จ่ายเพื่อปรับตัวกับการทำงานที่บ้าน แต่ในเวลาต่อมาความต้องการดังกล่าวลดลง โดยเฉพาะยุโรป และสหรัฐฯ เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันยอดการนำเข้าของจีนลดลง 5.5% ทำให้จีนเกินดุลการค้า 8.23 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
จีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านการค้า ทั้งปัจจัยหลายประเทศคู่ค้าที่เริ่มอ่อนแอ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่น่าจะยุติลงในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในสภาวะวิกฤต และความกังวลเรื่องภาวะเงินฝืดก็กำลังก่อตัวขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำเรียกร้องให้รัฐบาลจีนยกระดับมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจให้มากกว่านี้
ภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่องกำลังฉุดรั้งให้มูลค่าการส่งออกของจีนลดลง และทำให้ชาวต่างชาติบริโภคสินค้าในราคาถูกลง ดัชนีราคาส่งออกในเดือนตุลาคมแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2006
สำหรับเดือนธันวาคม การส่งออกของจีนในรูปดอลลาร์เพิ่มขึ้น 2.3% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่การนำเข้าขยายตัว 0.2% เกินดุล 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยข้อมูลเดือนธันวาคมดีขึ้นกว่าในปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่ยอดส่งออกลดลงเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วประเทศจีน ณ ขณะนั้น
ทั้งนี้ ยังมีสัญญาณการฟื้นตัวเล็กน้อยของการค้าโลก เช่น การส่งออกของเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนธันวาคม และยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกที่กลับมาเติบโตอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆ ในรายงานการค้าของจีน เช่น
- การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 6.9% ในเดือนธันวาคมจากปีที่แล้ว ในขณะที่การส่งออกไปยังสหภาพยุโรปลดลง 1.9%
- ยอดส่งออกในประเทศคู่ค้าเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ลดลงเช่นกัน
- การจัดส่งไปยังรัสเซียยังคงแข็งแกร่งในเดือนธันวาคม โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- การนำเข้าจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเกือบ 25% ในเดือนธันวาคมจากปีที่แล้ว จากความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีขึ้น สวนทางกับการนำเข้าจากแคนาดาที่ลดลง 40%
อ้างอิง: