นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (30 กรกฎาคม) พร้อมตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะกรณีที่ว่าที่ทูตสหรัฐอเมริกาคนใหม่ประจำประเทศไทยออกมาเตือนถึงการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ นั้น เรามองเรื่องนี้อย่างไร จะมีการชี้แจงหรือทำความเข้าใจกับทูตใหม่หรือไม่
นิกรเดชชี้แจงว่า ฌอน โอนีล ว่าที่ทูตสหรัฐฯ ถูกถามในที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนการรับรองเป็นทูตตามระบบของสหรัฐฯ โดยคำถามที่เขาได้รับนั้นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะสื่อสารกับประเทศไทย หากได้รับตำแหน่ง เขาจึงให้ความเห็นในบริบทนั้น
กระทรวงฯ ตรวจสอบแล้วว่า เขาไม่ได้โจมตีประเทศไทย อย่างที่ฝ่ายกัมพูชานำไปบิดเบือนต่อ โดยข้อเท็จจริงคือ เป็นเพียงการตอบคำถามโดยตรงของวุฒิสมาชิกเกี่ยวกับท่าทีต่อไทยหากได้มาเป็นทูต ดังนั้นจึงไม่ใช่ประเด็นที่แสดงความกังวล หรือมีความขัดแย้งกับไทยแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการที่กัมพูชาใช้ถ้อยแถลงผ่านเวทีนานาชาติ เช่น สหภาพรัฐสภา กล่าวหาว่าไทยเปิดฉากยิงก่อน และใช้สารเคมี เราจะมีการชี้แจงหรือทำความเข้าใจเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะดูเหมือนการบิดเบือนข้อมูลรุนแรงขึ้นทุกวัน
นิกรเดชกล่าวว่า เรื่องนี้เป็น ‘การบิดเบือนข้อมูล’ อย่างไม่น่าเชื่อ โดยประธานวุฒิสภาของไทยก็ได้แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อคำกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชาโดยเฉพาะเรื่องการกล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมี ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ประท้วงและประณามอย่างเป็นทางการ ไปแล้ว
โดยไทยเป็นภาคีของ ‘อนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี’ (Chemical Weapons Convention) และขอยืนยันว่า ไม่มีอาวุธเคมีใดๆ อยู่ในคลังหรือเคยใช้งาน ภาพที่ถูกอ้างถึงก็เป็น ‘ภาพปลอม’ (Fake News) จากการดับไฟป่าของประเทศอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์จริง ข้อมูลเหล่านี้ถูกบิดเบือนโดยโฆษกทหารของกัมพูชา
ขอให้สื่อและสาธารณชน ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวไทย และอย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จที่ถูกบิดเบือน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ไทยได้ตอบโต้กลับอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งในระดับการทูตและการทหาร
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการที่ทางกัมพูชาเชิญทูตทหารและผู้สังเกตการณ์ไปลงพื้นที่ กระทรวงการต่างประเทศไทยมีข้อกังวลอะไรหรือไม่ และไทยจะเชิญผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่เมื่อไหร่
นิกรเดชระบุว่า การที่กัมพูชาเชิญทูตทหารไปลงพื้นที่เป็น สิทธิของเขา เราไม่กังวล หากผู้สังเกตการณ์ตรวจสอบอย่างละเอียดก็จะเห็นข้อเท็จจริงว่า ‘ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง’ ส่วนฝั่งไทย กระทรวงกลาโหมกำลังประสานงานเพื่อนำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่เช่นกัน ส่วนเหตุผลที่ทำให้เราลงช้ากว่า เพราะต้อง คำนึงถึงความปลอดภัย เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกเมื่อใด
แต่ขอยืนยันว่า จะมีการพาลงพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันศุกร์ โดยสื่อมวลชนจะได้ร่วมลงพื้นที่ด้วย เพื่อให้ได้เห็นข้อเท็จจริงจากพื้นที่จริง (On the Ground) โดยเฉพาะกรณีการโจมตีพลเรือน ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญ สำหรับผู้ช่วยทูตทหารและกลุ่มผู้สังเกตการณ์ เช่น อาเซียน, มาเลเซีย, สหรัฐฯ, และจีน
โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเน้นย้ำว่า สาระสำคัญคือ ไม่ใช่แค่ ‘ความเร็ว’ ในการลงพื้นที่ แต่คือ ความมั่นใจในความปลอดภัยของคณะผู้ลงพื้นที่
แฟ้มภาพ: THE STANDARD
อ้างอิง:
- กระทรวงการต่างประเทศ