×

“มีตลาดอื่นที่ให้โอกาสดีกว่ามาก” เสียงสะท้อนจากนักลงทุนต่างชาติที่กำลังเมินหุ้นไทย ในวันที่เศรษฐกิจซบเซาและการเมืองไม่แน่นอน

27.07.2024
  • LOADING...
หุ้นไทย

“เงินบาทอ่อนค่าและวินัยการคลังก็สูญเสียไปพร้อมกับตอนที่รัฐบาลตัดสินใจแจกเงินกระตุ้น มีตลาดอื่นหลายแห่งที่ให้โอกาสดีกว่ามากในเอเชีย” Sat Duhra ผู้จัดการกองทุนของ Janus Henderson Group Plc ให้มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยตอนนี้

 

Bloomberg รวบรวมข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าไทยกำลังจะสูญเสียตำแหน่งอันดับ 2 ในฐานะตลาดหุ้นที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ให้กับคู่แข่งอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยช่องว่างระหว่างไทยและสิงคโปร์ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5.03 แสนล้านบาท* เทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยทิ้งห่างถึง 4.49 ล้านล้านบาท* ในปีที่แล้ว

 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2024 ตลาด หุ้นไทย มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 16.18 ล้านล้านบาท

 

การลดลงอย่างรวดเร็วของมูลค่าตลาด หุ้นไทย เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและกฎหมาย การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาด และประเด็นปัญหาเรื่องการประพฤติมิชอบขององค์กรใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา

 

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง กดให้ SET Index ลดลง 14% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการลดลงมากที่สุดในบรรดาตลาดหลักทรัพย์หลักทั่วโลก

 

นอกจากนี้ ข้อมูลของ Bloomberg เผยว่า มูลค่ารวมบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยอยู่ที่ประมาณ 15.80 ล้านล้านบาท* นำหน้าสิงคโปร์และมาเลเซียเล็กน้อยที่ 15.30 ล้านล้านบาท* และ 15.10 ล้านล้านบาท* ตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นอันดับ 1 ในเชิงมูลค่าการซื้อขายคืออินโดนีเซีย ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 26.90 ล้านล้านบาท* เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค SEA ตั้งแต่ปลายปี 2021

 

ภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศก็กลับทำได้ไม่ค่อยดี เนื่องจากเมื่อไทยปลดล็อกข้อจำกัดการเดินทาง เพื่อหวังจะให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าเพื่อพลิกเศรษฐกิจที่ซบเซาให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งจากการระบาดโรคโควิด แต่ข้อจำกัดที่เข้มงวดของจีน (นโยบาย Zero-COVID) และเศรษฐกิจภาพรวมที่อ่อนแอ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดของปี 2019 มีจำนวนน้อยลงและใช้จ่ายน้อยลง

 

นอกจากมิติของการท่องเที่ยว ความไม่มั่นคงเรื่องการเมืองในประเด็นความเป็นไปได้ที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง รวมถึงความล่าช้าด้านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ยังไม่ออกมาให้เห็น ก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดเช่นเดียวกัน

 

เนื่องด้วยความท้าทายรอบด้าน ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงพยายามเร่งหาทางแก้ไขปัญหาผ่านโครงการต่างๆ เพื่อปฏิรูปและป้องกันการละเมิดตลาด ปรับปรุงประสิทธิภาพ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติกลับยังไม่มั่นใจ ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นผ่านมูลค่าการขาย โดยนักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะทิ้งหุ้นไทยไปแล้วกว่า 9.75 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปี 2024 คิดเป็นมูลค่าการขายราว 4.45 แสนล้านบาทใน 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา

 

ในขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติกลับให้ความสนใจตลาดหุ้นมาเลเซีย เนื่องจากกระแสปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นศักยภาพหลักของมาเลเซียในการขึ้นสู่ตำแหน่งศูนย์กลางข้อมูล AI และห่วงโซ่อุปทานชิป โดยดัชนี KLCI พุ่งขึ้น 11% ในปีนี้ ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาค

 

สำหรับอนาคตของไทย ความไม่แน่นอนยังคงเป็นภาพจำของเหล่านักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกับการคลี่คลายปมการเมืองที่อาจต้องใช้เวลาสักระยะ Kenneth Tang ผู้จัดการกองทุนอาวุโสประจำ Nikko Asset Management เปิดมุมมองตัวเองกับ Bloomberg ว่า “การเมืองและนโยบายที่แน่นอนจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจนำนักลงทุนต่างชาติกลับมา”

 

*หมายเหตุ: มูลค่าตลาดหุ้นถูกแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 35.90 บาท

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising