หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการรายงานข่าวภารกิจพาทีมหมูป่ากลับบ้าน ล่าสุด พล.ต.ต. ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ย้ายพื้นที่มาที่ อบต.โป่งผา ส่งผลให้การทำงานสะดวก เกิดผลสัมฤทธิ์ ระยะเวลาสั้นลง แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้ปฏิบัติผิดกฎกติกา มีการใช้โดรนบินเสนอข่าว เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ โดยคำสั่งของผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมฯ ห้ามไลฟ์ คือห้ามถ่ายทอดสดควบคู่กับการปฏิบัติจริงในเวลาเดียวกัน การใช้โดรนบินในมุมสูง แม้ว่าบินได้ไม่เกิน 90 เมตร แต่เป็นการบินบนแนวเส้นทางการบิน ซึ่งสนามจอดเฮลิคอปเตอร์อยู่ในแนวเส้นทางการบิน ขอให้งดบินโดรนเด็ดขาด และเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยคือการจูนความถี่คลื่นวิทยุของศูนย์อำนวยการร่วมฯ ทั้งนี้เห็นว่าสื่อไม่จำเป็นต้องแข่งความเร็ว ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงใด และควรอำนวยความสะดวกด้านจราจรของเจ้าหน้าที่ด้วย
นอกจากนี้ น.อ. สัมฤทธิ์ คูณสันเที๊ยะ หัวหน้าชุดควบคุมห้วงอากาศ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ยังย้ำว่า สื่อมวลชนสำนักไหนต้องการจะนำอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ขึ้นบิน บริเวณพื้นที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จะต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยต้องลงทะเบียนอุปกรณ์กับชุดควบคุมห้วงอากาศ ที่ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (ศอร.) กำหนดไว้ อีกทั้งก่อนการขึ้นบินจะต้องแจ้งทุกครั้ง เนื่องจากมีเฮลิคอปเตอร์ขึ้น-ลง สำหรับระยะควบคุมการบินรัศมีโดยรอบถ้ำหลวงฯ อยู่ที่ประมาณ 27 กิโลเมตร ความสูง 2,500 ฟุต หรือประมาณ 750 เมตร ซึ่งจุดห้ามบินผ่าน คือศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (ศอร.) และปากถ้ำหลวง
หัวหน้าชุดควบคุมห้วงอากาศ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กล่าวถึงกรณีเมื่อวานนี้มีภาพถ่ายโดรนบินคู่เฮลิคอปเตอร์ ระหว่างทำการขนย้ายทีมหมูป่าฯ ไปยังโรงพยาบาล ขณะนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ทำการสอบสวนแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการส่งเรื่องไปตามลำดับขั้น ทั้งนี้ หากใครฝ่าฝืนข้อห้ามขึ้นบินบริเวณถ้ำหลวงฯ จะถูกสอบสวนและถูกยึดใบอนุญาต
อ้างอิง: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์