ผลกระทบจากเฮอริเคนอิดาเลีย ที่พัดเข้าถล่มชายฝั่งอ่าวฟลอริดา เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (30 สิงหาคม) ก่อนจะเคลื่อนตัวผ่านรัฐจอร์เจีย ก่อให้เกิดกระแสลมกระโชก ฝนตกหนักและน้ำท่วม รวมถึงเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง หรือ Storm Surge สูงเป็นประวัติการณ์ และเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างกระทบประชาชนมากกว่า 4.6 แสนครัวเรือน
โดยเฮอริเคนอิดาเลีย พัดขึ้นฝั่งที่บริเวณเขตบิกเบนด์ (Big Bend) ซึ่งเป็นส่วนโค้งด้านตะวันตกของรัฐฟลอริดา ด้วยความแรงลมระดับ 3 หรือกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือเป็นเฮอริเคนที่มีความแรงมากที่สุดที่พัดถล่มพื้นที่ดังกล่าวในรอบ 125 ปี
ขณะที่ล่าสุด ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Hurricane Center) รายงานว่า เฮอริเคนอิดาเลียอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้วหลังเคลื่อนตัวผ่านรัฐจอร์เจีย และกำลังมุ่งหน้าไปยังรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งอิทธิพลพายุเริ่มทำให้เกิดน้ำท่วมถนนหลายสายในเมืองชาร์ลสตัน และมีความเสี่ยงที่จะเกิดทอร์นาโดในบางจุด
ทั้งนี้ มีรายงานว่าตลอดคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยในรัฐฟลอริดาได้เข้าช่วยเหลือประชาชนกว่า 150 คน ที่ติดค้างภายในบ้านเรือนที่จมอยู่ใต้น้ำ โดยหลายพื้นที่ของรัฐพบว่ามีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 9 นิ้ว ซึ่งในเขตปาสโก (Pasco County) บริเวณชายฝั่งตะวันตกของรัฐ พบว่ามีบ้านเรือนราว 4,000-6,000 หลัง ที่ได้รับความเสียหายจากพายุ
รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา แถลงว่ายังไม่ได้รับรายงานที่มีการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากเฮอริเคน ขณะที่ชี้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ภายในรัฐอาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ซึ่งทางการได้ประกาศคำสั่งให้มีการอพยพในหลายพื้นที่ และเตือนให้ประชาชนหลบไปยังบริเวณพื้นที่สูง
ส่วนในรัฐจอร์เจีย ทางการได้ประกาศเตือนน้ำท่วมทั่วทั้งรัฐ และยกเลิกเที่ยวบินขาออกทั้งหมดจากสนามบินซาวานนาห์/ฮิลตันเฮด พร้อมสั่งปิดสถานที่ราชการ เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
ภาพ: Chandan Khanna / AFP
อ้างอิง:
