×

พยัคฆ์ไม่ร้าย 008 หรือเวียร์ตซ์คือปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูล?

01.10.2025
  • LOADING...
โฟลเรียน เวียร์ตซ์

0 ประตู 0 แอสซิสต์ 8 นัด

 

นี่คือสถิติ (ไม่รวมคอมมิวนิตี ชิลด์) ของโฟลเรียน เวียร์ตซ์ หลังจบเกมนัดล่าสุดที่ลิเวอร์พูล สะดุดต่อเนื่องด้วยการพลาดท่าพ่ายต่อกาลาตาซาราย ทีมจอมโหดแห่งตุรกีในเกมยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งจริงอยู่ที่ทีมของอาร์เนอ สล็อต อาการน่าเป็นห่วงทั้งทีม

 

แต่ผลงานของนักเตะพรสวรรค์ระดับ “ร้อยปีมีสักคน” ของวงการฟุตบอลเยอรมัน เป็นหนึ่งในจุดที่กำลังถูกเพ่งเล็งมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เวียร์ตซ์กำลังมีปัญหาอะไรกับชีวิตใหม่ในแอนฟิลด์? และตัวของเขาเองกำลังกลายเป็นปัญหาใหญของลิเวอร์พูลหรือเปล่า?

 

พยัคฆ์ไม่ร้าย คังคังโป่ย

 

ในเกมที่ แรมส์ สเตเดียม หรืออาลีซามีเยนแห่งใหม่ แชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูลถูกต้อนรับสู่ขุมนรก (Welcome to the Hell) ด้วยเสียงเพรียกจากนรกที่สร้างโดยแฟนบอลกาลาตาซาราย ที่มีการวัดระดับความดังของเสียงได้ถึง 110 เดซิเบล 

 

เสียงนี้หลอนพวกเขาตลอดเกมทั้ง 90 นาที ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรบกวนสมาธิของนักเตะลิเวอร์พูล ในระดับที่แม้แต่ผู้เล่นประสบการณ์สูงอย่างโม ซาลาห์ ที่ถูกดร็อปและเปลี่ยนตัวลงมาในช่วงครึ่งหลังยอมรับว่าไม่เคยพบเจอกับประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต

 

แต่ท่ามกลางนักเตะลิเวอร์พูลที่เล่นกันไม่ออก คนที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งคือโฟลเรียน เวียร์ตซ์ ที่ยึดตำแหน่งตัวจริงต่อเนื่องในบทตัวทำเกม “หมายเลข 10” 

 

ปัญหาคือนี่ก็เป็นอีกเกมที่จอมทัพทีมชาติเยอรมนีไม่ได้แสดงเวทมนตร์อภินิหารอะไรออกมาให้เห็นมากนัก แม้ว่าจะมองเห็นความพยายามแล้วก็ตาม

 

ตลอดทั้งเกมสถิติของเขามีแค่

 

  • 1/4 เลี้ยงบอลสำเร็จ
  • 4/12 เอาชนะการดวลบนพื้น
  • 0 ผ่านบอลสำคัญ (Key passes)
  • 0 สร้างโอกาสสำคัญ (Big chances created)
  • 0 แอสซิสต์
  • 0 ประตู

 

และหากนับรวมตั้งแต่เกมเปิดฤดูกาลอย่างเป็นทางการวันที่ลิเวอร์พูลพบกับบอร์นมัธแล้ว นี่เป็นนัดที่ 8 ที่เวียร์ตซ์ไม่สามารถทำประตูหรือผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้เลย

 

 

พ่อมดที่ลืมท่องมนต์

 

สิ่งที่ยิ่งทำให้ทุกคนเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆคือฟอร์มการเล่นของเวียร์ตซ์ ยิ่งเล่นก็ยิ่งขาดความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆจนสังเกตได้ชัด

 

ที่ดีที่สุดเท่าที่เขาแสดงให้เห็นคือ “ประกาย” ของการสร้างสรรค์เกมในช่วงเวลาสั้นๆระหว่างเกม เช่น วันที่พบกับอาร์เซนอล หรือวันที่พบกับแอตเลติโก มาดริด ขณะที่ในเกมกับกาลาตาซารายนั้นก็พอมีบทบาทบ้างในช่วงต้นเกม

 

แต่ปัญหาคือในภาพรวมแล้วการเล่นของเขาดูอ่อนแอและบอบบางจนเกินไป

 

ทุกนัดที่ลงสนามเวียร์ตซ์จะเจอปัญหาเมื่อถูกคู่แข่งเบียดแย่งปะทะจนเสียบอลอย่างง่ายดาย และที่แย่กว่านั้นคือจังหวะเหล่านี้เขามักจะดูเหยาะแหยะขาดจิตวิญญาณของนักสู้ ไม่สามารถข่มขู่คู่แข่งได้ด้วยเทคนิคการเล่นระดับสูงอย่างที่ทุกคนคาดหวัง

 

เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตนักเตะตำนานลิเวอร์พูล ออกโรงวิจารณ์ฟอร์มการเล่นของสตาร์ค่าตัว 116 ล้านปอนด์อย่างไม่ไว้หน้า โดยชี้ให้เห็นว่าเวลานี้เขาไม่พร้อมสำหรับการจะลงเล่นให้ลิเวอร์พูล และเป็นนักเตะที่อาร์เนอ สลอตควรจะดร็อปให้พ้นทีม

 

โฟลเรียน เวียร์ตซ์

 

ปัญหาของเวียร์ตซ์คืออะไรกันแน่?

 

การย้ายมาเล่นในสโมสรใหม่ ลีกใหม่ ประเทศใหม่ การเจอกับประสบการณ์การเล่นฟุตบอลแบบใหม่ของอังกฤษที่แตกต่างจากในบุนเดสลีกาเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด

 

ฟุตบอลอังกฤษขึ้นชื่อในเรื่องของเกมหนัก เกมเร็วอยู่แล้ว ขณะที่เวียร์ตซ์เป็นนักฟุตบอลที่ชื่นชอบการเก็บบอลไว้กับตัวเพื่อหาทางลัดเลาะเลื้อยหรือสร้างสรรค์เกมในแบบของตัวเอง แต่ปัญหาคือในพรีเมียร์ลีกเขาไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้

 

อย่างที่บอกไปข้างต้นด้วยสรีระที่ค่อนข้างบอบบาง ตัวเล็ก แรงน้อย เมื่อต้องเจอเกมปะทะหนักของบอลอังกฤษ เวียร์ตซ์จึงประสบปัญหาหนัก เขาตกเป็นเป้าของคู่แข่งที่พร้อมเข้าชาร์จทันทีด้วยรู้ว่ามีโอกาสสูงที่จะสามารถชิงบอลกลับมาได้อย่างง่ายดาย

 

และการชิงบอลจากเวียร์ตซ์ได้หมายถึงโอกาสในการเล่นเกมสวนกลับใส่ลิเวอร์พูล

 

ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างคือบทบาทและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากบอสใหญ่อย่างสลอตในการเป็น “ศูนย์กลาง” ในการสร้างเกมรุกของทีมเป็นงานที่ใหญ่มาก เพราะปกติแล้วเป็นงานของโม ซาลาห์ ที่จะสร้างสรรค์เกมจากฝั่งขวา

 

การต้องสร้างเกมจากตรงกลางในเกมที่หนักและเร็วยากกว่าการสร้างเกมจากริมเส้นมาก ซึ่งแม้ว่าเวียร์ตซ์จะเป็นนักฟุตบอลที่มีทักษะการเล่นสูงส่งก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะสามารถทำทุกอย่างได้ดังใจนึกเหมือนในช่วงที่อยู่กับเลเวอร์คูเซน

 

และใช่ – ที่เลเวอร์คูเซนเขาเป็น “หัวใจ” ของทีมจริงๆ ทีมทั้งหมดถูกสร้างขึ้นโดยมีเขาเป็นศูนย์กลางในการค้นหาคำตอบในการเล่นต่างๆ

 

แต่ที่ลิเวอร์พูลเขาไม่ได้เป็นคนนั้น และยังมีงานอย่างอื่นที่ต้องทำ เช่น การไล่เพรสแดนบน การลงมาช่วยไล่ในแดนกลาง ไปจนถึงการลงมาล้วงบอลในแนวลึกเพื่อพาบอลกลับขึ้นไป ซึ่งหากมองจากสถิติการวิ่งในแต่ละนัดจะวิ่งเยอะมาก

 

การวิ่งเยอะหมายถึงกำลังขาจะลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นปัญหาในเวลานี้ที่ทำให้เล่นไม่ออก

 

 

หรือเวียร์ตซ์คือปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูล?

 

เรื่องนี้ตอบตอนนี้ได้ว่าใช่แต่ก็ไม่ทั้งหมด

 

ใช่เพราะโค้ชคาดหวังว่าเขาจะเป็นศูนย์กลางหรืออย่างน้อยเป็นคนสำคัญในการช่วยสร้างสรรค์เกมรุกและไม่สามารถทำตามใบสั่งงานได้ ก็หมายถึงการที่ทีมไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากนัก

 

การเลือกใช้เวียร์ตซ์ในตำแหน่งสำคัญ “หมายเลข 10” ที่เคยเป็นของโดมินิก โซโบสไล ยังทำลายความสมดุลในแดนกลางที่เคยลงตัวระหว่างกัปตันทีมชาติฮังการี (ซึ่งต้องโดนโยกสลับไปเรื่อยเพื่อหลีกทางให้น้องใหม่), ไรอัน คราเฟนแบร์ก และอเล็กซิส แม็คคัลลิสเตอร์ ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งที่สุดของลิเวอร์พูล

 

มันอาจจะเป็นงานใหญ่ที่มาเร็วเกินไป

 

“ผมคิดว่าเวียร์ตซ์ทำลายความสมดุลของลิเวอร์พูลและวิธีการเล่นของพวกเขา” เวย์น รูนีย์ ​วิเคราะห์ในรายการ Match of the Day

 

อย่างไรก็ดีลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงในจุดอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นแดนหน้าที่มีทั้งอเล็กซานเดอร์ อิซัค, อูโก เอคิติเก (ผู้โชคร้ายบาดเจ็บ) รวมถึงจุดสำคัญที่มองข้ามไม่ได้อย่างการเปลี่ยนแปลงแบ็กสองข้างจากแอนดี โรเบิร์ตสัน และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาเป็นมิลอส เคอร์เคซ กับเจเรมี ฟริมปง หรือคอเนอร์แบรดลีย์ ที่ส่งผลอย่างมากต่อความสมดุลของทีม

 

และจุดที่เป็นปัญหาทุกนัดคือเกมรับที่ไม่มั่นคงเอาเสียเลย พร้อมจะเสียประตูตลอดเวลา ซึ่งแม้ 6 นัดแรกพวกเขาจะเอาตัวรอดได้ในช่วงท้ายเกมเกือบทุกนัด แต่มันไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืนและสุดท้ายทีมก็แพ้ต่อคริสตัล พาเลซ ต่อด้วยกาลาตาซาราย

 

 

ทางออกคือการดร็อปเท่านั้น?

 

ในระยะสั้นการดร็อปสตาร์ทีมชาติเยอรมันจากทีมอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็น เพื่อเป็นการ “ถนอม” ไม่ให้บอบช้ำไปมากกว่านี้ และดึงสมดุลของทีมกลับคืนมาก่อน

 

สามประสาน โซโบ-แม็คก้า-จิโร่ อาจจะช่วยให้ทีมผ่านเกมสุดสัปดาห์นี้กับเชลซีไปได้

 

อย่างไรก็ดีหากคิดถึงระยะยาวแล้ว สิ่งที่สลอตอาจตัดสินใจทำเช่นกันคือการให้โอกาสเวียร์ตซ์ได้พิสูจน์ตัวเองต่อไป ด้วยความหวังว่าจะมีสักนัดที่เขาค้นพบ “ประกาย” บางอย่างที่จะช่วยจุดติดฟอร์มการเล่น ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จากการลงสนาม

 

นอกจากนี้คือการปรับแทคติกการเล่นเพื่อช่วยเหลือบ้าง ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามในการโยกไปยืมริมเส้นบ้างแต่ยังไม่ได้ผลเท่าไรนัก (เพราะริมเส้นลิเวอร์พูลก็อ่อนในฤดูกาลนี้) แต่เชื่อว่าจะมีความพยายามในการปรับอะไรบางอย่างเพื่อให้เขาเล่นได้ง่ายขึ้น หรือเรียกจังหวะกลับมาได้ไวขึ้น

 

แต่สุดท้ายแล้วเวียร์ตซ์จะกลับเล่นได้ดีในแบบที่ทุกคนคาดหวัง เป็นตัวของตัวเองได้หรือไม่นั้น อยู่ที่ตัวของเขาเองด้วยที่ถึงเวลาแล้วจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าทำไมลิเวอร์พูลถึงยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อตัวเขามาร่วมทีม บนความหวังว่าจะเป็นแกนหลักของทีมคนใหม่แทนที่ของซาลาห์ที่กำลังเริ่มโรยราอย่างเห็นได้ชัด

 

และทำไมแฟนเดอะ ค็อปถึงควรจะฝากความหวังและอนาคตไว้กับเขา

 

เพียงแต่ให้ดีก็ต้องมาไวหน่อยนะ มันเริ่มเนิ่นนานเกินไปแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising