กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร, นครสวรรค์, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, หนองบัวลำภู ขอนแก่น และมหาสารคาม รวม 29 อำเภอ 229 ตำบล 1,425 หมู่บ้าน 60,899 ครัวเรือน 166,065 คน

     จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้

     ชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนอุบลรัตน์ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ถึง 14 พฤศจิกายน 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 79 อำเภอ 482 ตำบล 2,825 หมู่บ้าน 38 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 126,390 ครัวเรือน 327,420 คน และมีผู้เสียชีวิต 24 ราย

8 จังหวัด ยังจมน้ำ กระทบคน 166,065 คน

     ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด รวม 29 อำเภอ 229 ตำบล 1,425 หมู่บ้าน 60,899 ครัวเรือน 166,065 คน อพยพ 40 ครัวเรือน แยกเป็น

• ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน 1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร
• ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์, อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา
• ลุ่มน้ำท่าจีน 1 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี
• ลุ่มน้ำชี 3 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู, ขอนแก่น และมหาสารคาม

     อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้

ฝนถล่มภาคใต้ ทำจังหวัดกระบี่ น้ำท่วมหลายพื้นที่

     เว็บไซต์มติชน รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน  

     ในพื้นที่จังหวัดกระบี่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะที่ ตำบลเขาดิน และตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่

     โดยฝนตกนานกว่า 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ส่งผลให้น้ำระบายไม่ทัน ไหลเข้าท่วมสวนยางและสวนปาล์มของชาวบ้านจำนวนมาก และน้ำยังท่วมถนนสายเขาพนม-ชัยบุรี ซึ่งเป็นถนนระหว่างจังหวัดกระบี่และสุราษฎร์ธานี ระดับน้ำสูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร บางช่วงรถไม่สามารถผ่านได้ในช่วงที่ฝนตกหนัก ทำให้น้ำหลากข้ามถนนรวมกว่า 5 จุด

     นอกจากนี้น้ำยังท่วมบ้านเรือนร้านค้าของชาวบ้านที่อยู่ริมถนนได้รับความเสียหายนับสิบหลังคาเรือน

     ชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า ฝนตกหนักมากติดต่อกันนาน 3 ชั่วโมง ทำให้น้ำระบายไม่ทัน ไหลท่วม และเอ่อไปตามถนน รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ โดยฝนที่ตกลงมานี้ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 10 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้า ทำให้สินค้าเสียหาย ทั้งนี้ฝนที่ตกลงมารอบนี้หนักสุดเกือบเท่ากับช่วงปี 2554 จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

Photo: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์