วันนี้ (28 กันยายน) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศประจำวันนี้ พบว่า ประเทศไทยมีฝนลดลง ยกเว้นภาคเหนือและภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ แม่น้ำสายหลักทั่วประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณน้ำทั้งประเทศ 51,754 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) (63%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 45,355 ล้าน ลบ.ม. (63%) เฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 5 แห่ง เฝ้าระวังน้ำมาก จำนวน 11 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำแม่มอก, อ่างเก็บน้ำทับเสลา, อ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์, อ่างเก็บน้ำลำตะคอง, อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง, อ่างเก็บน้ำเขื่อนมูลบน, อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำนางรอง, อ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล, อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา, อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล
พร้อมกันนี้ กอนช. ยังได้แจ้งเตือนให้จับตาระดับน้ำในแม่น้ำที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท, อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี, อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง, แม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี, แม่น้ำพระปรง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว, แม่น้ำมูล อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์, อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์, อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี, อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
ส่วนพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่มในช่วง 1-2 วันนี้ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, ตาก, สุโขทัย, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, กำแพงเพชร, นครสวรรค์, ลพบุรี, อุทัยธานี, เลย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, อุบลราชธานี, กาญจนบุรี, จันทบุรี, ตราด, ระนอง และพังงา
สถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง ได้แก่ แม่น้ำชี อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ, แม่น้ำป่าสัก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์, แม่น้ำสะแกกรัง อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร, แม่น้ำเพชรบุรี อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น, แม่น้ำมูล อำเภอพิมาย อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา, คลองทับมา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง แนวโน้มลดลง
ขณะที่สถานการณ์ล้ำล้นตลิ่งจนส่งผลให้เกิดน้ำหลาก พบบริเวณจังหวัดสุโขทัย, ตาก, แม่ฮ่องสอน, เลย, ชัยภูมิ และนครราชสีมา
สำหรับพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม ในช่วง 3-4 วันนี้ บริเวณจังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, ลำปาง, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, ตาก, อุทัยธานี, กาญจนบุรี, เลย, ระนอง, พังงา, กระบี่, ตรัง และสตูล
ขณะเดียวกัน กอนช. ยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด โดยหน่วยงานดำเนินการ ดังนี้
- กรมชลประทาน ดำเนินการติดตั้งกาลักน้ำ เพื่อเร่งการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำลำเชียงไกร เร่งระบายน้ำให้ไหลลงสู่แม่น้ำมูลให้เร็วขึ้น
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สนับสนุนรถสูบส่งน้ำระยะไกล ช่วยเร่งระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) พร้อมวางกระสอบทรายยักษ์ (Big Bag) บริเวณคันกั้นน้ำบ้านโนนสง่า เพื่อป้องกันน้ำจากลำห้วยสามบาท ลำห้วยลุง ไหลเข้าสมทบน้ำที่ท่วมขังที่บ้านบึงบัวทอง ตำบลหนองบัวละคร อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
- องค์กรปกครองท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์และแผนการบริหารจัดการน้ำของหน่วยงาน
สำหรับภาพรวมอุทกภัยที่ได้รับอิทธิพลร่องมรสุมและพายุโซนร้อน ‘เตี้ยนหมู่’ ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2564 ถึงปัจจุบัน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 28 จังหวัด พบสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 5 จังหวัด (เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, บุรีรัมย์ และนครปฐม) คงเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย 23 จังหวัด โดยต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา, ชัยภูมิ, ลพบุรี และนครสวรรค์
กอนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดสถานการณ์อย่างทันท่วงที
