วันนี้ (27 กันยายน) บุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงสรุปสถานการณ์น้ำท่วมในเวลา 16.05 น. โดยระบุว่าจากการติดตามสถานการณ์การเกิดอุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ที่เข้ามาในประเทศไทยระหว่างวันที่ 23 กันยายนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กระจายไปใน 28 จังหวัด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว 5 จังหวัด
ภาคเหนือมี 9 จังหวัดได้รับผลกระทบ คลี่คลายแล้ว 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และยังคงมีน้ำท่วมใน 6 จังหวัด คือ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร และกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งเป็น 2 โซน คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน แถบลุ่มแม่น้ำชี ยังคงมีน้ำท่วมในจังหวัดเลย ขอนแก่น และชัยภูมิ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง แถบลุ่มแม่น้ำมูล ยังคงมีน้ำท่วมในจังหวัดนครราชสีมา ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชธานี ส่วนบุรีรัมย์สถานการณ์คลี่คลายเป็นปกติแล้ว
ภาคตะวันออกมี 2 จังหวัดที่ยังคงมีน้ำท่วม คือ สระแก้วและจันทบุรี
ภาคกลาง จังหวัดที่ยังคงมีน้ำท่วม ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ส่วนนครปฐมสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
ดังนั้นจึงยังคงมี 23 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์พบว่ามีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
- นครราชสีมา โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ซึ่งได้รับรายงานว่าระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลง แต่ยังมีการระบายน้ำออกมาด้านนอก เนื่องจากยังมีน้ำเข้าอ่างอยู่ ทำให้มี 4 อำเภอได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ ได้แก่ โนนไทย โนนสูง พิมาย และด่านขุนทด โดยเฉพาะโนนไทย โนนสูง และพิมาย ที่ยังคงมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- ชัยภูมิ เกิดอุทกภัยเกือบทั้งจังหวัด โดยน้ำจากอำเภอบำเหน็จณรงค์จะเคลื่อนตัวไปที่อำเภอจัตุรัส ทำให้ตอนนี้มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นและส่งผลไปถึงอำเภอเมือง ซึ่งมีการตั้งจุดอพยพเพื่อเคลื่อนย้ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และส่งผลไปถึงอำเภอเนินสง่าและคอนสวรรค์
- ลพบุรี มีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย 5 ราย สูญหาย 1 ราย พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังคืออำเภอลำสนธิ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น แต่มวลน้ำจะเคลื่อนตัวไปที่อำเภอชัยบาดาล และลงไปที่แม่น้ำป่าสัก โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังพื้นที่อำเภอชัยบาดาลแล้ว และจะมีผลกระทบไปยังพื้นที่ข้างเคียงอีก 3 อำเภอ คือ บ้านหมี่ โคกสำโรง และเมืองลพบุรี
- นครสวรรค์ จากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมอยู่กว่า 300 มิลลิเมตร ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่อำเภอไพศาลีและอำเภอหนองบัว มีมวลน้ำค่อนข้างสูง แต่กำลังค่อยๆ ลดลง และเคลื่อนย้ายลงมาที่อำเภอท่าตะโก ซึ่งเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังเช่นเดียวกับอำเภอชุมแสง นอกจากนี้ยังมีอำเภอลาดยาวที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำจากเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ไหลเข้ามา โดยเฉพาะเขตเทศบาลตำบลลาดยาว ที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
ในพื้นที่เหล่านี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ส่งเครื่องมือไปสนับสนุนตามที่ได้รับการร้องขอแล้ว นอกจากนี้ฝ่ายทหาร ตำรวจ จิตอาสา และมูลนิธิต่างๆ ยังได้ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นอย่างดี
“ฝากแจ้งพี่น้องประชาชนนะครับ ในกรณีที่ได้รับความเดือดร้อนหรือได้รับผลกระทบจากกรณีการเกิดอุทกภัย สามารถแจ้งทางโทรศัพท์ได้ที่หมายเลข 1784 สายด่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ Line: @1784ddpm หรือแอปพลิเคชัน ‘พ้นภัย’ ที่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและสภากาชาดไทย
