วันนี้ (11 ตุลาคม) พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ระบุถึงการเตรียมความพร้อมในการไปรับคนไทยในอิสราเอลว่า กองทัพอากาศมีการเตรียมพร้อมตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยกองทัพอากาศได้ตั้งกลุ่มขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการเพื่อรวบรวมข้อมูล และในวันที่ 8 ตุลาคม ได้ตั้งชุดติดตามสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือประชาชน
พล.อ.อ. พันธ์ภักดี กล่าวอีกว่า ได้เตรียมเครื่องบินแอร์บัส A340 จำนวน 1 เครื่อง และ C-130 อีก 5 เครื่อง พร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล ชุดปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่เวชศาสตร์การบิน เพื่อคัดกรองกรณีผู้ป่วยติดเครื่องมาด้วย สำหรับเวลาเดินทางไปรับคนไทยไม่สามารถแจ้งรายละเอียดได้เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัย ซึ่งภารกิจเมื่อบินไปรับแล้วจะบินกลับทันที
ส่วนการบินไปรับคนไทยในครั้งนี้ที่ใช้เครื่องบินแอร์บัส A340 ซึ่งยังไม่มีการใช้เครื่องบินแบบ C-130 นั้นติดขัดข้อจำกัดในเรื่องใดหรือไม่ พล.อ.อ. พันธ์ภักดี กล่าวว่า กองทัพอากาศไม่มีข้อจำกัดในการไปช่วยเหลือคนไทย แต่อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องการบินผ่านน่านฟ้า ซึ่งตามปกติการขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าต้องใช้ระยะเวลาเป็นสัปดาห์ แต่กระทรวงการต่างประเทศสามารถประสานงานให้อย่างรวดเร็ว แต่มีบางประเทศที่ไม่ยอมให้บินผ่าน จึงจำเป็นต้องบินอ้อมหรือบินในเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด เพราะการปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของเรา ทรัพยากรของเรา และประชาชนที่จะไปอพยพกลับมา
สำหรับประชาชนที่แจ้งความจำนงจะเดินทางกลับมากว่า 3,000 คน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า หากใช้เฉพาะเครื่องบินของกองทัพอากาศอาจต้องใช้เวลานาน จึงต้องประสานงานกับการบินไทยในการใช้เครื่องบินพาณิชย์ด้วย เพื่อช่วยลำเลียงคนไทยกลับมาให้เร็วที่สุด ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการระดมสรรพกำลังทรัพยากรที่มีอยู่ในชาติ รวมถึงความรักและสามัคคี ซึ่งกองทัพอากาศได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างดี