Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดัง เปิดเผยว่าบริษัทอาจพิจารณาปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงจากระดับ A+ จากปัญหาเศรษฐกิจและหนี้สินภาคธุรกิจที่มีความน่ากังวลในแดนมังกร
James McCormack กรรมการผู้จัดการฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ Fitch Ratings ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg TV ว่า แม้สถานการณ์หนี้ภาครัฐของจีนในปัจจุบันจะยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ แต่หากปัญหาหนี้ภาคธุรกิจและภาคธนาคารของจีนย่ำแย่ลงจนรัฐบาลต้องขยายการสนับสนุนไปยังบริษัทที่มีปัญหา ซึ่งจะส่งผลให้หนี้สินอื่นกลายเป็นภาระผูกพันของรัฐบาลและทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐปรับสูงขึ้น Fitch อาจต้องพิจารณาอันดับเครดิตของจีนใหม่
อย่างไรก็ดี McCormack ระบุว่า ขณะนี้ยังมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนมีแผนจะเข้าไปอุ้มภาคธุรกิจที่มีปัญหาอย่างกว้างขวาง และ Fitch ไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ระดับหนี้ภาครัฐของจีนในปัจจุบันที่ 60% ของ GDP ถือว่าทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่จีนเริ่มผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิด Fitch ยังคงอันดับเครดิตจีนไว้ที่ A+ และให้มุมมองทางเศรษฐกิจไว้ที่ระดับ Stable
มุมมองต่อจีนที่เริ่มเปลี่ยนไปของ Fitch เกิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกรณีของบริษัท Country Garden Holdings ที่เผชิญภาวะขาดทุนจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรก และมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาซึ่งนำไปสู่ความกังวลว่าปัญหาดังกล่าวอาจลุกลามไปสู่ตลาดตราสารหนี้ของจีนในวงกว้าง
McCormack กล่าวว่า จีนอยู่ระหว่างการพยายามเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยต้องการลดการพึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การเติบโตที่ช้าลงของภาคอสังหาก็มีส่วนทำให้ GDP จีนชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 และคาดว่าการเติบโตในช่วงที่เหลือของปีจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน
เมื่อไม่นานมานี้ Fitch เพิ่งจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาจาก AAA เป็น AA+ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายทางการคลังและการหยุดชะงักในการกำหนดนโยบายจากความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน
อ้างอิง:
