จากกรณีเกิดเหตุโกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่หมู่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้ตลาดมูโนะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าแหล่งใหญ่ที่สุดของอำเภอสุไหงโก-ลก ได้รับความเสียหายทั้งบ้านเรือนและร้านค้าผู้ประสบภัยจำนวน 290 ครัวเรือน โดยเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 121 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจำนวน 10 ราย กลับบ้านได้แล้ว 111 ราย เสียชีวิต 12 ราย ซึ่งในจำนวนนี้รอพิสูจน์อัตลักษณ์อีก 2 รายนั้น
ล่าสุด ชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต. แจ้งว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์ ประชุมเป็นการเร่งด่วน เพื่อหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือจากเหตุดังกล่าว ด้วยการระดมสรรพกำลังและการเปิดรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาให้การช่วยเหลือเพิ่มเติม จากที่ภาครัฐสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการต่างๆ ศอ.บต. ได้ประสานกรมสุขภาพจิต โดย นพ.ชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยกำหนดให้โรงพยาบาลสุไหงโก-ลกเป็นโรงพยาบาลหลักในการรับผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษา และมอบหมายให้โรงพยาบาลใกล้เคียงเตรียมเตียงรองรับผู้ประสบภัยจำนวน 143 เตียง โดยโรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ได้ประสานกับทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team: MCATT) ของโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงจังหวัดนราธิวาสที่เข้าประจำการ ณ ศูนย์พักพิงตำบลมูโนะ เพื่อประเมินสถานการณ์เบื้องต้นและดูแลจิตใจประชาชนตามแนวทางมาตรฐาน ตั้งแต่ช่วงเวลาหลังเกิดเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข โดย พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์และศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 ส่งทีม MCATT ของหน่วยงาน ลงสนับสนุนการดำเนินงานดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 เพื่อประชุมวางแผนการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต รวมทั้งบูรณาการความช่วยเหลือร่วมกับทีมจากสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสและทีม MCATT จากโรงพยาบาลในพื้นที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียงต่อไป
สำหรับกรณีการให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบบ้านเรือนเสียหายและบางส่วนเสียชีวิต มีแนวทางการช่วยเหลือ 2 ช่องทาง คือ
1. จากสำนักนายกรัฐมนตรี โดยกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ตามหลักเกณฑ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
- กรณีเสียชีวิต: ค่าจัดการศพรายละ 50,000 บาท เงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตครอบครัวละ 30,000 บาท เงินทุนเลี้ยงชีพครอบครัวผู้เสียชีวิต บุตรอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ ครอบครัวละ 50,000 บาท
- กรณีบาดเจ็บ: เงินทุนเลี้ยงชีพผู้บาดเจ็บสาหัสรายละ 30,000 บาท เงินทุนเลี้ยงชีพผู้บาดเจ็บทั่วไปรายละ 15,000 บาท
- กรณีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย: ค่าวัสดุในการก่อสร้าง / ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ตามความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินหลังละ
-
- เสียหายทั้งหลัง (เกิน 70%) 230,000 บาท
- เสียหายมาก (30-70%) 70,000 บาท
- เสียหายน้อย (น้อยกว่า 30%) 15,000 บาท
- ค่าเครื่องอุปโภคและเครื่องใช้อื่นๆ ที่จำเป็น (เฉพาะบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลังและเสียหายมาก) ครัวเรือนละ 5,000 บาท
2. จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
- กรณีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย: ค่าวัสดุในการก่อสร้าง / ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ตามความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริง
- กรณีเสียหายทั้งหลัง: ไม่เกินหลังละ 49,500 บาท
- กรณีเสียชีวิต: ช่วยเหลือรายละ 29,700 บาท หากผู้เสียชีวิตเป็นผู้นำครอบครัวจะให้การช่วยเหลือเพิ่มอีกรายละ 29,700 บาท
สำหรับรายงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุดังกล่าวข้างต้น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับทุกภาคส่วน จะเร่งให้ความช่วยเหลือและติดตามการให้ความช่วยเหลือทุกกรณี เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี และหากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว ยังคงต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ ขอให้แจ้งมายังศูนย์ดำรงธรรม ศอ.บต โทร. 1880 เพื่อจะได้เร่งงานประสานหน่วยงานทุกหน่วยงานเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร็วต่อไป