วันนี้ (9 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีข่าวที่ระบุว่าไทยกำลังจะได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 จากผู้ผลิตในประเทศจีนภายในเดือนนี้ว่า เรื่องนี้ต้องขอย้อนอธิบายว่าตามแผนหลักนั้น ประเทศไทยจะจองซื้อวัคซีนซึ่งเป็นสูตรการผลิตจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษ ซึ่งได้ทำสัญญาไว้แล้ว 61 ล้านโดสตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ช่วงนั้นยังไม่เกิดการระบาดเหมือนเช่นปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อการระบาดเริ่มต้นขึ้น ประเทศไทยจึงได้ปรับแผนและจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากผู้ผลิตจากจีนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2 ล้านโดส และตามสัญญาทางผู้ผลิตจะส่งวัคซีนมาให้ไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2 แสนโดส ในเดือนมีนาคม 8 แสนโดส และจะตามมาในช่วงเดือนเมษายนอีก 1 ล้านโดส ส่วนแผนการหลักในเดือนมิถุนายนจะเริ่มมีการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศไทย
สำหรับทางทีมผู้ผลิตจากจีน ผลิตภัณฑ์ทางนั้นผ่านการรับรองจากประเทศต้นทาง และเอกสารทั้งหมดจะส่งมาที่ประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ฝ่ายไทยในการขึ้นทะเบียนวัคซีน
“ประเทศไทยไม่เคยปิดกั้นเรื่องการจัดหาวัคซีนและพร้อมหารือกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ การจัดหาวัคซีนต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่ฝ่ายทางการไทยรวมไปถึงทางผู้ผลิตยอมรับกันได้ ซึ่งเราจะคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัย ราคา การขนส่ง ระยะเวลาที่จะได้รับว่าเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่” อนุทินกล่าว
อนุทินกล่าวอีกว่าประเทศไม่ได้ล้มเหลวกับการได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนสูตรเดียวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ เราได้เป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชน เราได้เป็นฐานการผลิต ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการจัดหาและการกระจายวัคซีนในอนาคต ดีกว่าการที่รอให้ประเทศอื่นผลิตแล้วเราต้องมาลุ้นสถานการณ์จากประเทศต้นทาง ซึ่งอาจกระทบกับแผนจัดการของไทย
“ผมขอย้ำว่าประเทศไทยวางแผนไว้อย่างรัดกุม แต่เมื่อเกิดการระบาดขึ้นอีกรอบก็ต้องปรับแผนการจัดหาวัคซีนและดำเนินการคุมโรค ถามว่าการระบาดที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การลักลอบเข้าเมือง บ่อนการพนัน แต่กลับมีความพยายามตำหนิการทำงานของทีมสาธารณสุข มาตอนนี้ก็ได้แต่ทำงาน และไม่อยากให้ใครนำการสาธารณสุขไทยไปเปรียบเทียบ เพราะไทยทำได้ดีติดอันดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้ว” อนุทินกล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์