×

ผู้ต้องหาคดี #ตามหาลูกประยุทธ์ มา สน.นางเลิ้ง ตามหมายเรียก มีทั้งสารภาพและปฏิเสธ ยืนยันใช้เสรีภาพตั้งคำถาม

โดย THE STANDARD TEAM
14.09.2020
  • LOADING...

วันนี้ (14 กันยายน) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) นางเลิ้ง จากกรณีที่กลุ่มผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย ประกาศตามหาลูกสาวฝาแฝดของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และมีการโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโซเชียล เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยใช้แฮชแท็กว่า ‘#ตามหาลูกประยุทธ์’ ซึ่งมีผู้ใช้สื่อโซเชียลฯ จำนวนมากแสดงความคิดเห็น และแชร์ข้อความดังกล่าว รวมทั้งการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดลูกสาวของ พล.อ. ประยุทธ์ มีความร่ำรวยผิดปกติ พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบทรัพย์สิน 

 

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ อภิวัฒน์ ขันทอง ในฐานะทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจาก ธัญญา และนิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวของ พล.อ. ประยุทธ์ นำหลักฐานการโพสต์สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวในความผิดฐานหมิ่นประมาท และความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ

 

ด้าน อมรภัค ศรีบุญชัย หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีหมิ่นลูกสาว พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ว่า ตนเดินทางมาให้ปากคำตามหมายเรียกของเจ้าหน้าตำรวจ ส่วนข้อมูลในโลกโซเชียลที่ได้มีการติด #ตามหาลูกประยุทธ์ นั้นตนไม่ทราบและจำไม่ได้ว่าได้แชร์หรือโพสต์ต่อหรือไม่ เนื่องจากผ่านไปหลายวันแล้ว ซึ่งเบื้องต้น อมรภัคได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจากการตรวจสอบ Facebook ของอมรภัค พบว่าได้มีร่องรอยของการแชร์ข้อมูลมา แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ เนื่องจากโพสต์ต้นทางที่แชร์ต่อมานั้นได้มีการลบข้อมูลไปแล้ว

 

เมื่อถามว่าต่อไปนี้จะแชร์หรือโพสต์ข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทอีกหรือไม่นั้น อมรภัคระบุว่าจะขอแชร์ต่อแต่ให้เป็นทีละเรื่องไป และจะไม่เลิกเล่นโซเชียลมีเดีย

 

ด้านศุภกร (ไม่เปิดเผยนามสกุล) หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีดังกล่าวได้ให้การรับสารภาพ โดยยืนยันว่าตนทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งลักษณะการกระทำผิดคือตนได้ไปแสดงความคิดเห็นในคลิปข่าวของสื่อช่อง News1 ซึ่งความคิดเห็นนั้นได้มีคนกดถูกใจและแชร์โพสต์ออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนตัวได้ยอมรับผิด และกล่าวขอโทษคู่กรณี โดยตนยินดีหากคู่กรณีจะเจรจาไกล่เกลี่ย แต่หากจะมีการปรับ ยอมรับว่าไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ และอาจต้องยอมติดคุก และตนขอเตือนผู้ใช้โซเชียลมีเดียให้ระมัดระวัง และเล่นโซเชียลอย่างมีสติ อย่าแชร์ข่าวหรือข้อมูลมั่ว

 

ส่วนกรณีที่สังคมมองว่าการโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทเป็นการใช้ประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิของผู้อื่นนั้น ศุภกร กล่าวว่า ภาษาอีสานใช้คำว่า ‘ตีนช้างเหยียบปากนก’ ซึ่งหมายถึง ผู้มีอำนาจห้ามประชาชนผู้แสดงความคิดเห็น

 

ด้าน สุภาภรณ์ โพธิ์ศรี หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวว่า พวกเราถูกหมายเรียกรับทราบในความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ กับข้อหาหมิ่นประมาท แต่เมื่อมาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาก็ถูกแจ้งความเพียงหมิ่นประมาทเท่านั้น ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ตนแค่แสดงความคิดเห็นในโพสต์เกี่ยวกับการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของ พล.อ. ประยุทธ์ ไปยังสองลูกสาวตามที่มีกระแสข่าวว่าจริงหรือไม่ รวมถึงบุคคลทั้งสองอยู่ที่ไหน เหตุใดไม่ยอมเปิดเผยตัวตน 

 

ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาท แต่เป็นเพียงการตั้งคำถามเท่านั้น เข้าใจว่า พล.อ. ประยุทธ์ เป็นบุคคลสาธารณะ เหตุใดต้องลดตัวลงมาคุกคามประชาชนตัวเล็กๆ แบบพวกตน พวกตนไม่ได้ทั้งคำตอบและยังถูกหมายเรียกอีก และพวกตนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนี้ทนายความจะทำหนังสือชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป

 

เมื่อถามว่าจะไปร่วมกิจกรรมทางการเมือง วันที่ 19 กันยายนหรือไม่นั้น สุภาภรณ์ เผยว่า ตนจะขึ้นไปพูดบนเวที จากที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับม็อบใด แต่ตอนนี้ตนขอเรียกร้องให้ผู้ที่โดนกดขี่ ข่มเหง หรือไม่ทนกับการเมืองในปัจจุบัน ออกมาใช้สิทธิ์ของตน และขอยืนยันว่าตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ และโดนคุกคามจากผู้ที่ไม่เห็นด้วย ตนไม่มีคนหนุนหลัง มีแค่หมายเรียกแผ่นเดียวที่ทำให้ต้องออกมาพูด 

 

เมื่อถามว่าได้ใส่ชุดนักเรียนออกมาเรียกร้องสิทธิเยาวชนหรือไม่นั้น ตนขอยืนยันว่า เป็นชุดใส่ในงานเลี้ยงของที่ทำงานเก่า และไม่เคยถ่ายคลิปว่าตนเป็นเยาวชน แต่ด้วยบุคลิกภาพของตนเหมือนเด็กเลยถูกเข้าใจผิด และมีบางสื่อนำตนไปโจมตี และเป็นแค่เด็กต่างจังหวัดเท่านั้น

 

ทั้งนี้ ก่อนที่จะให้สื่อสัมภาษณ์ กลุ่มผู้ต้องหาได้ถือป้าย ‘พวกเราถูกคดี! พ.ร.บ. คอม #ตามหาลูกประยุทธ์” และชูสัญลักษณ์สามนิ้ว

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X