ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมุ่งเป้านำข้อมูลชุดดังกล่าวมาใช้สำหรับปฏิรูปภาษี ผ่านนโยบาย ‘Negative Income Tax’ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มภายในปี 2570 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า
“Negative Income Tax เรากำลังดำเนินการอยู่ และคาดว่าจะจบภายใน 2 ปี ดังนั้น จะมีการนำข้อมูลชุดนี้มาใช้บูรณาการเพื่อจัดสวัสดิการได้ตรงตามความต้องการของประชาชน” ลวรณกล่าว
สำหรับผู้ที่ต้องการรับสวัสดิการ Negative Income Tax ลวรณกล่าวว่าสามารถรับได้โดยต้องยื่นแบบภาษี เพื่อยืนยันว่ามีรายได้ต่ำ และยังไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี แต่ไม่มีการระบุถึงรายละเอียดของสวัสดิการเพิ่มเติม
ลวรณ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lake) ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อข้อมูลประชาชนกว่า 60 ล้านคน ตามหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐเข้าด้วยกัน เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการขับเคลื่อนนโยบาย (Data-Driven Policy)
โดยล่าสุด กระทรวงการคลังได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข เชื่อมโยงข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลสุขภาพของประชาชนเข้าด้วยกัน ซึ่งลวรณชี้ว่า จะทำให้ผู้จัดทำนโยบายรู้จักประชาชนดีขึ้น และสามารถออกแบบนโยบายที่เฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น (Tailor-made Policy)
ไม่เพียงเท่านั้น ข้อมูลใน Data Lake ยังสามารถนำไปพัฒนา ‘อารีย์ สกอร์’ (Ari Score) ซึ่งเป็นระบบเครดิตสกอริงที่จัดทำโดยกระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยอีกด้วย
นอกจากนี้ การรวมฐานข้อมูลจนเกิดเป็น Data Lake ยังช่วยในด้านของการจัดเก็บรายได้ภาครัฐอีกด้วย ซึ่งลวรณเผยว่า การเชื่อมโยงข้อมูลจัดเก็บภาษีจากทั้ง 3 กรมจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต จะเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบไขว้ และสามารถเห็นช่องโหว่ของการยื่นภาษี
เช่น ผู้ประกอบการที่เสียภาษีนำเข้าต่ำ ทำให้มีอัตราผลกำไรหรือรายได้ธุรกิจที่สูงขึ้น ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นด้วย
