วันนี้ (26 กันยายน) สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัว ‘Figment Studio’ ร่วมด้วย จาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ปณิตาภา สวนแก้ว หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมธุรกิจภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร, ผู้แทนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และแขกผู้มีเกียรติในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และคนในวงการโปรดักชัน ร่วมงานจำนวนมาก
สรวงศ์กล่าวว่า การเปิดตัว Figment Studio ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยเฉพาะการนำนวัตกรรม Virtual Production ที่กำลังจะเป็นอนาคตของวงการภาพยนตร์ทั่วโลกมาใช้ ทำให้ไทยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ระดับสากลและเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูด
สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการพัฒนาในด้านนี้ เพราะนอกจากจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย ที่จะเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาในไทยมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ ชยานนท์ อุลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ สตูดิโอ พาร์ค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Figment Studio เกิดจากความร่วมมือของพันธมิตรทางธุรกิจที่นำจุดเด่นของแต่ละบริษัทมารวมกัน อาทิ เดอะ สตูดิโอ พาร์ค ผู้ให้บริการสตูดิโอ Sound Stage และสถานที่ถ่ายทำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยบนพื้นที่กว่า 216 ไร่ในจังหวัดสมุทรปราการ
อีกทั้งที่รองรับการถ่ายภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดมาแล้วมากมาย ร่วมด้วยบริษัท สเตจฟอร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม XR และ Virtual Production ชั้นแนวหน้าในประเทศไทย และบริษัท สุพรีม สตูดิโอ จำกัด ผู้นำเข้าเทคโนโลยี Virtual Production ที่ทันสมัยที่สุดรายแรกในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ลงทุนในอุปกรณ์ระบบ ซึ่งเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลกเพื่อสร้างให้ Figment Studio เป็น Virtual Production ที่สามารถสร้างภาพของโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริงมาผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อยกระดับงานโปรดักชันไทยให้ทัดเทียมกับสตูดิโอชั้นนำระดับสากล
“Figment Studio เป็นสตูดิโอแห่งเดียวในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถให้บริการได้ทั้ง On Site และ Off Site Virtual Production/ICVFX มีโครงสร้างพื้นฐานระบบ Virtual Production ที่ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยผสานกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทำให้สามารถถ่ายทำภายในสตูดิโอได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่จริง เพื่อช่วยลดต้นทุน, ลดเวลาการผลิต, การสร้างฉาก และการเคลื่อนย้ายทีมนักแสดงไปยังสถานที่จริง ลดขั้นตอนการขออนุญาตต่างๆ ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น” ชยานนท์กล่าว
ชยานนท์กล่าวต่อว่า เรามั่นใจว่า Figment Studio จะสามารถดึงดูดกองถ่ายให้เข้ามาในประเทศและใช้ระบบนี้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, โฆษณา, Music Video, สื่อ และแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Netflix, Disney+ Hotstar, TikTok, YouTube, Amazon Prime Video, VIU ที่ต้องการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง ควบคุมการผลิตในระยะเวลาอันสั้น รวมถึงอุตสาหกรรมเกมและแอนิเมชัน ซึ่งกลุ่มนี้สามารถใช้ Virtual Production สร้างฉากเสมือน หรือ Motion Capture ในโปรเจกต์ต่างๆ ได้
ทั้งนี้ เรามีความตั้งใจผลักดันให้โปรดักชันในประเทศเข้าถึงและหันมาใช้งานระบบ Virtual Production มากขึ้น จึงมีการจัดเวิร์กช็อปด้านการถ่ายทำในสตูดิโอเสมือนจริงร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่าง หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เพื่อให้ความรู้และเสริมสร้างทักษะให้แก่บุคลากรให้เพียงพอกับความต้องการในอุตสาหกรรมนี้
หากรัฐบาลมีมาตรการอำนวยความสะดวกทางด้านภาษีให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ก็จะสามารถดึงดูดให้กองถ่ายต่างประเทศเลือกเข้ามาถ่ายทำในไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งระบบ โดยตั้งเป้าให้ Figment Studio ขึ้นเป็นท็อป 5 ของภูมิภาคเอเชียให้ได้ภายใน 5 ปี
เขมณัฎฐ์ เสริมพงค์วรกุล ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทสเตจฟอร์ และผู้จัดการ Figment Studio กล่าวว่า สเตจฟอร์เป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรม XR (Extended Reality) และ Virtual Production มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นครั้งแรกในประเทศไทย จึงทำให้เรามีความเชี่ยวชาญและได้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ใหญ่ๆ เสมอ
โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา เราได้รับความไว้วางใจให้ทำระบบ Virtual Production ให้กับโปรเจกต์ของ Netflix ทั้งหมด 3 เรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือซีรีส์เรื่อง สืบสันดาน และยังได้ร่วมงานกับกองถ่ายภาพยนตร์ Alien: Earth ซีรีส์ของช่อง FX ที่ยกกองมาถ่ายทำในไทย โดยเราเป็นผู้รับผิดชอบหลักในเรื่อง Operation ระบบ Virtual Production/ICVFX ตลอดทั้งการถ่ายทำในประเทศ
“การผนึกกำลังของทั้ง 3 บริษัทจะทำให้เรามีบุคลากรทั้งฝ่ายบริหาร ทีมผู้เชี่ยวชาญปฏิบัติงาน และเทคโนโลยีที่ทันสมัยทัดเทียมกับที่สตูดิโอชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการได้อย่างครบวงจรที่สุดในประเทศไทย โดยเราจะใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาอย่างยาวนานในการบริหารจัดการ ให้คำปรึกษา และจัดทำ” เขมณัฎฐ์กล่าว
สำหรับโปรเจกต์ทดลองการใช้งานระบบ Virtual Production/ICVFX เพื่อสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิม รวมถึงสร้างการเติบโตให้กับ Figment Studio ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาถ่ายทำในไทย สร้างโอกาส Business Matching ควบคู่กันไปทุกเทศกาลเพื่อหาคู่ค้าที่มีศักยภาพให้ได้มากที่สุด โดยเราวางสัดส่วนกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ 60% และคนไทย 40%
นอกจากนี้ เรายังมีความตั้งใจที่จะช่วยผลักดันให้โปรดักชันภายในประเทศสามารถเข้าถึงการใช้งานระบบ Virtual Production/ICVFX ที่ Figment Studio ให้เป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ ทดลองความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการใหม่ๆ ตามสโลแกน ‘Your imagination is our stage.’ ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ภายในประเทศทั้งระบบเติบโตได้อย่างยั่งยืน