การแข่งขันฟุตบอลโลก มหกรรมกีฬาที่มีผู้ติดตามชมมากที่สุดในโลกกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว ว่าแต่คุณรู้หรือไม่ว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้จัดขึ้นที่ไหน แข่งขันกันกี่วัน แข่งกันตอนกี่โมง ติดตามได้ทางไหน และมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้างสำหรับฟุตบอลโลกในครั้งนี้
วันนี้ THE STANDARD รวบรวมทุกเรื่องราวที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับฟุตบอลโลกครั้งนี้มาให้คุณทราบ อ่านจบครบทุกเรื่องที่สำคัญแน่นอน
ฟุตบอลโลกคืออะไร
ฟุตบอลโลกคือการแข่งขันกีฬาฟุตบอลระดับนานาชาติของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ‘ฟีฟ่า’ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุก 4 ปี โดยเริ่มต้นการแข่งขันครั้งแรกในปี 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย ก่อนจะดำเนินการจัดขึ้นเป็นประจำ (ยกเว้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต้องพักการแข่งขันไป 12 ปี ในระหว่างปี 1938-1950)
การแข่งขันฟุตบอลโลกถือเป็นหนึ่งในมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนผู้ชมมากกว่า 3 พันล้านคน จนได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ’ เนื่องจากฟุตบอลเป็นกีฬาอันดับหนึ่งของโลกที่มีผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา
ฟุตบอลโลกครั้งนี้จัดขึ้นที่ไหน
ฟุตบอลโลก 2018 จัดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จัดขึ้นในประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก และครั้งหนึ่งเคยได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ดินแดนหลังม่านเหล็ก’
สำหรับการเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 นั้น รัสเซียเริ่มต้นกระบวนการเสนอตัวในเดือนมกราคม 2009 โดยตอนแรกมี 9 ชาติที่เสนอตัว ก่อนที่สุดท้าย รัสเซียจะได้รับการเลือกจากฟีฟ่าให้เป็นเจ้าภาพสำหรับปี 2018 (และกาตาร์ได้เป็นเจ้าภาพการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพสำหรับปี 2022 ในกระบวนการคัดเลือกรอบเดียวกัน) เอาชนะโปรตุเกสและสเปนที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วม เช่นเดียวกับ เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ
ในส่วนของสนามแข่งขันจะมีขึ้นใน 11 เมือง รวม 12 สนาม โดยมีมอสโกเพียงเมืองเดียวที่จะใช้สนามแข่งขัน 2 สนาม สนามที่เป็นพระเอกของการแข่งขันครั้งนี้คือ Luzhniki Stadium ในกรุงมอสโก ที่จะใช้ในเกมเปิดการแข่งขันและนัดชิงชนะเลิศ
ฟุตบอลโลกครั้งนี้แข่งกันเมื่อไร
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย จะแข่งขันกัน 4 สัปดาห์ด้วยกัน เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2561 ไปจนกระทั่งจบการแข่งขันในนัดชิงชนะเลิศวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม 2561
โดยจะมีการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 64 นัด เป็นการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มทีมละ 3 นัด รวม 48 นัด และจากนั้นจะเป็นการแข่งขันในรอบน็อกเอาต์ หรือแพ้คัดออก จำนวนทั้งหมด 16 นัด (รอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบ 8 ทีมสุดท้าย, รอบรองชนะเลิศ, รอบชิงที่ 3 และรอบชิงชนะเลิศ)
เวลาในการลงแข่งขันของฟุตบอลโลกครั้งนี้มีหลายช่วงเวลา เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ที่มีถึง 11 เขตเวลาในประเทศเดียว (แต่ส่วนใหญ่จะจัดการแข่งขันในทางตะวันตกของประเทศ เพื่อลดปัญหาเรื่องการเดินทาง) แต่เมื่อเทียบตามเวลาประเทศไทยแล้ว ถือว่าการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 อยู่ในช่วงเวลาที่ดี โดยจะมีการแข่งขันตั้งแต่ 17.00 น. และคู่ดึกที่สุดจะเริ่มในเวลา 02.00 น.
ส่วนคู่เปิดสนาม รัสเซียพบซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 14 มิถุนายน และคู่ชิงชนะเลิศในวันที่ 15 กรกฎาคม จะเริ่มในเวลา 22.00 น.
ชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน
32 ชาติที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้มาจาก
- อเมริกาใต้: บราซิล, อุรุกวัย, อาร์เจนตินา, โคลอมเบีย และเปรู (รวม 5 ทีม)
- เอเชีย: อิหร่าน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ซาอุดีอาระเบีย และออสเตรเลีย (รวม 5 ทีม)
- อเมริกาเหนือและอเมริกากลาง: เม็กซิโก, ปานามา, คอสตาริกา (รวม 3 ทีม)
- ยุโรป: เบลเยียม, โครเอเชีย, เดนมาร์ก, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ไอซ์แลนด์, โปแลนด์, โปรตุเกส, รัสเซีย (เจ้าภาพ), เซอร์เบีย, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์ (รวม 14 ทีม)
- แอฟริกา: อียิปต์, ไนจีเรีย, โมร็อกโก, เซเนกัล, ตูนิเซีย (รวม 5 ทีม)
- โอเชียเนีย: – (ไม่มี)
โดยได้มีการจับสลากแบ่งสายกันไปเรียบร้อยแล้ว ออกมาดังนี้
- กลุ่ม เอ: รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, อียิปต์, อุรุกวัย
- กลุ่ม บี: โปรตุเกส, สเปน, โมร็อกโก, อิหร่าน
- กลุ่ม ซี: ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เปรู, เดนมาร์ก
- กลุ่ม ดี: อาร์เจนตินา, ไอซ์แลนด์, โครเอเชีย, ไนจีเรีย
- กลุ่ม อี: บราซิล, สวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา, เซอร์เบีย
- กลุ่ม เอฟ: เยอรมนี, เม็กซิโก, สวีเดน, เกาหลีใต้
- กลุ่ม จี: เบลเยียม, ปานามา, ตูนิเซีย, อังกฤษ
- กลุ่ม เอช: โปแลนด์, เซเนกัล, โคลอมเบีย, ญี่ปุ่น
มาสคอตประจำการแข่งขันคือตัวอะไร
สำหรับมาสคอตหรือตัวนำโชคประจำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 มีชื่อว่า ซาบิวากา (Zabivaka) เป็นหมาป่าที่ชื่อของเขามีความหมายว่า ‘จอมถล่มประตู’ โดยซาบิวากาได้รับการโหวตจากประชาชนชาวรัสเซียนับล้านคนให้เป็นทูตฟุตบอลโลกของพวกเขา!
ลูกฟุตบอลประจำการแข่งขัน
ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นของ Adidas ในรุ่น Telstar 18 โดยเป็นการนำโมเดลลูกฟุตบอลที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงในอดีตรุ่น Telstar ที่เคยใช้ครั้งแรกในฟุตบอลโลกปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก และเป็นหนึ่งในลูกฟุตบอลที่ได้รับการจดจำมากที่สุด (จำได้ไหมภาพลูกฟุตบอลลายขาวดำในอดีต) กลับมาใช้อีกครั้ง
แต่นอกจากชื่อเดิมเติมเลข 18 เข้าไปแล้ว Telstar สำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้พัฒนาขึ้นตามยุคสมัย ทั้งวัสดุไปจนถึงการติดตั้งชิป NFC ที่จะทำให้แฟนๆ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบอลที่ใช้ในการแข่งขันผ่านสมาร์ทโฟน เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
VAR คืออะไร
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงอย่างมากในฟุตบอลโลกครั้งนี้คือ VAR หรือ Video Assistant Referee ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยการตัดสินที่จะถูกนำมาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ในอดีตผู้ตัดสินในสนามมีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสิน ซึ่งบ่อยครั้งด้วยความเร็วของการแข่งขันทำให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการให้ประตู หรือการตัดสินในจังหวะสำคัญที่มีผลต่อเกมการแข่งขัน
เทคโนโลยี VAR ถูกคิดค้นมาเพื่อช่วยในการตัดสิน โดยจะมีคณะผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในการพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนจะให้ข้อมูลแก่ผู้ตัดสินในสนาม (ซึ่งยังสามารถมาดูภาพย้อนหลังได้ที่จอข้างสนามด้วยตัวเอง) เพื่อให้เกมการแข่งขันเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด
ตัวเต็งในการแข่งขันครั้งนี้
ความสนุกของการชมและเชียร์ฟุตบอลโลกคือการลุ้นว่าใครจะได้แชมป์ ซึ่งฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ชาติที่เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งของการแข่งขันคือ ‘แซมบ้า’ บราซิล ตามมาด้วย ‘อินทรีเหล็ก’ เยอรมนี แชมป์เก่า นอกจากนี้คือสเปน, ฝรั่งเศส, อาร์เจนตินา, เบลเยียม, อังกฤษ และโปรตุเกส
อย่างไรก็ดีตามประวัติศาสตร์การแข่งขันฟุตบอลโลก 20 สมัยที่ผ่านมา มีเพียงแค่ 8 ชาติเท่านั้นที่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก ได้แก่ บราซิล (5 สมัย 1958, 1962, 1970, 1994, 2002), เยอรมนี (4 สมัย 1954, 1974, 1990, 2014), อิตาลี (4 สมัย 1934, 1938, 1982, 2006), อาร์เจนตินา (2 สมัย 1978, 1986), อุรุกวัย (2 สมัย 1930, 1950), ฝรั่งเศส (1998), อังกฤษ (1966), สเปน (2010)
ติดตามชมฟุตบอลโลกได้ที่ไหน
เป็นข่าวดีสำหรับแฟนบอลชาวไทยที่จะได้ติดตามชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ครบทุกนัดทั้ง 64 แมตช์จนจบการแข่งขัน ในระบบฟรีทีวีทางช่อง True4U (37 นัด ในระบบ HD), Amarin TV และช่อง 5 (ช่องละ 27 นัด)
สำหรับผู้เป็นสมาชิกโทรทัศน์ในระบบบอกรับสมาชิก ทรูวิชั่นส์นำเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดแบบใหม่ 4K Ultra HD มาให้แฟนฟุตบอลชาวไทยได้ชมเป็นครั้งแรกด้วย โดยจะสามารถชมการแข่งขันแบบ 4K ได้ 56 นัด
นอกเหนือจากการชมผ่านโทรทัศน์แล้ว ยังมีการถ่ายทอดสดผ่านแอปพลิเคชัน TrueID รวมถึงผู้ที่เดินทางด้วยสายการบินไทยในเที่ยวบินที่ใช้เครื่อง Airbus 350-900, Boeing 787-8 และ 787-9 ก็สามารถรับชมการถ่ายทอดสดแบบ Live TV on Board ได้ทุกชั้นโดยสารโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย